ส่องทางรอดวิกฤติความความผันผวนสกุลเงินต่อพลวัตรการเปลี่ยนแปลง

04 ก.ย. 2566 | 09:12 น.
อัพเดตล่าสุด :04 ก.ย. 2566 | 09:12 น.

ส่องทางรอดวิกฤติความความผันผวนสกุลเงินต่อพลวัตรการเปลี่ยนแปลงโลกครั้งใหญ่ หลังวิกฤติโควิด-19 ภาวะสงคราม นโยบายการเงินของประเทศพัฒนาแล้ว ในช่วงสามปีที่ผ่านมาส่งผล Global Current Balance

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. รุ่งเกียรติ รัตนบานชื่น เลขานุการภาควิชาการธนาคารและการเงิน คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CBS) เปิดเผยว่า CBS ได้ดำเนินการร่วมกับ International Monetary Fund (IMF) มุ่งสร้างทางรอดท่ามกลางความความผันผวนของสกุลเงินต่อพลวัตรการเปลี่ยนแปลงโลกครั้งใหญ่ ภายใต้การเสวนาเรื่อง “External rebalancing in turbulent time”

ทั้งนี้ วิกฤติโควิด-19 ภาวะสงคราม นโยบายการเงินของประเทศพัฒนาแล้ว ในช่วงสามปีที่ผ่านมาส่งผล Global Current Balance ที่วัดโดยผลรวมของค่าสมบูรณ์ของดุลบัญชีเดินสะพัดแต่ละประเทศ ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศพัฒนาแล้ว เดินนโยบายการเงินแบบตึงตัว การแข็งค่าขึ้นของสกุลเงิน US dollar ได้ส่งผลเชิงลบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ 

ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาได้รับผลกระทบจาการเคลื่อนย้ายทุนและมีแนวโน้มจะเกิด Trade tension และการกีดกันทางการค้าจากประเทศพัฒนาแล้ว โดยประเทศกำลังพัฒนาต้องเร่งการลงทุนจากภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนแก้ไขปัญหาโลกร้อน การลงทุนในระบบเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนเพื่อรักษาความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ 
 

"การดำเนินการดังกล่าวจะช่วยให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้เข้าใจบริบทการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนต่อการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งจะเป็นฐานความรู้ที่ช่วยให้ภาครัฐ และธนาคารกลางสามารถดำเนินนโยบายทางการเงิน และนโยบายทางเศรษฐกิจที่เหมาะสมต่อประเทศไทยมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ประเทศไทยสามารถรอดพ้นจากภัยความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากพลวัตดังกล่าว"

ส่องทางรอดวิกฤติความความผันผวนสกุลเงินต่อพลวัตรการเปลี่ยนแปลง

อย่างไรก็ดี การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับ external imbalance ของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เป็นองค์ความรู้ใหม่ที่สำคัญทางวิชาการที่จะช่วยให้ผู้วางนโยบายสามารถประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าเงิน US dollar และบทบาทที่ท้าทายของสกุลเงิน US dollar ในอนาคต ซึ่งรายงานการศึกษาของ IMF นี้เป็นฐานสำคัญสำหรับการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจมหภาคของประเทศไทยได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น 

นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอผลการศึกษาที่วิเคราะห์พัฒนาการของดุลบัญชีเดินสะพัด (Current accounts) อัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริง (Real exchange rates) ทุนสำรองระหว่างประเทศ และการเคลื่อนย้ายเงินทุนของกลุ่มประเทศชั้นนำของโลก โดยผลการวิเคราะห์ที่สำคัญคือ Global current account balances ได้มีการขยายออกมากขึ้นในช่วงปี 2020-2022 ซึ่งการจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน การฟื้นตัวที่แตกต่างของกลุ่มประเทศต่าง ๆ ภายหลังการระบาดของโรค COVID-19 และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเข้มข้นของการดำเนินนโยบายทางการเงินของสหรัฐอเมริกา 

อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ของ IMF พบว่า Excess global current account balances จะนำมาสู่แรงกดดันทางการค้าระหว่างประเทศ การกีดกันทางการค้า และการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ การแข็งค่าขึ้นของสกุลเงิน US dollar ได้ส่งผลเชิงลบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ 

และการนำเข้าสินค้าโดยเฉพาะกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ การมีนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนแบบยืดหยุ่น และการใช้นโยบายที่ตรึงอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์อย่างเหมาะสมจะช่วยลดผลกระทบเชิงลบดังกล่าวได้ พร้อมแนะประเทศกำลังพัฒนาที่ได้ประโยชน์จากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ควรเร่งการลงทุนของภาครัฐเพื่อฉวยโอกาส และพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศตนเองไม่ว่าจะเป็นการลงทุนเพื่อแก้ไขปัญหาโลกร้อน การลงทุนในระบบเศรษฐกิจดิจิทัล หรือการลงทุนเพื่อรักษาความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ