นางสาวณญาณี เผือกขำ ประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ผู้ให้บริการบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล เปิดเผยว่า ผลประกอบการของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ในปี 2566 ที่ผ่านมา เติบโตเป็นที่น่าพอใจ สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว โดยมียอดใช้จ่ายผ่านบัตร 365,000 ล้านบาท เติบโต 10% ยอดสินเชื่อใหม่ 92,000 ล้านบาท เติบโต 6%
ทั้งนี้ ส่งผลให้ยอดสินเชื่อคงค้าง 148,400 ล้านบาท เติบโต 3% เทียบกับปีก่อน เนื่องจากความสำเร็จในการนำนวัตกรรมและข้อมูลมาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ทางการเงินและโปรโมชันที่ตอบโจทย์ลูกค้า
และยกระดับคุณภาพการบริการต่อเนื่อง รวมถึงการประสานความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในเครือกรุงศรีผ่านกลยุทธ์ Krungsri One Retail และพันธมิตรชั้นนำในธุรกิจอื่นๆ เพื่อสร้างโมเดลธุรกิจและผลิตภัณฑ์การเงินที่ตรงใจลูกค้ายิ่งขึ้น เพื่อสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืน
“สำหรับอัตราส่วนคงค้างของสินเชื่อของลูกหนี้ที่มีค่างวดค้างชําระเกินกว่า 90 วัน อยู่ที่ระดับ 1.1% สำหรับบัตรเครดิต และ2.5% สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อผ่อนชำระ ซึ่งนับว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในธุรกิจ สืบเนื่องจากการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม ทั้งนี้ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ยังคงยึดมั่นในนโยบายการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ เพื่อดูแลช่วยเหลือลูกค้าต่อเนื่อง”
ทั้งนี้ จากข้อมูลการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ในปี 2566 หมวดที่มียอดใช้จ่ายสูงสุด ได้แก่
ส่วนหมวดที่เติบโตสูง ได้แก่
แสดงให้เห็นถึงการท่องเที่ยวและการบริโภคที่เติบโตต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลขยายตัว
ขณะที่ในปี 2567 คาดว่าธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลจะเติบโตต่อเนื่อง ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรและสินเชื่อน่าจะเติบโตได้ดี จากการจับจ่ายและการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในไตรมาสแรกที่คาดว่าจะได้รับผลบวกจากมาตรการลดหย่อนภาษีภาครัฐ รวมถึงเทศกาลจับจ่าย เช่น ปีใหม่ ตรุษจีน และการท่องเที่ยว
“กรุงศรี คอนซูมเมอร์ จึงได้จัดโปรโมชันสุดพิเศษ เพื่อเพิ่มยอดใช้จ่ายผ่านบัตร เช่น บัตรเครดิต กรุงศรี ชวนเที่ยว ช้อป กิน ฟินทั่วโลก เพียงมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรสะสมในสกุลเงินเยนและสกุลต่างประเทศ รวมช้อปออนไลน์ ตามเงื่อนไข ตั้งแต่ 1 มกราคม - 30 เมษายน 2567 รับเครดิตเงินคืนรวมสูงสุด 40,200 บาท เป็นต้น
ทั้งนี้ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตร 393,000 ล้านบาท ยอดสินเชื่อใหม่ 100,000 ล้านบาท ยอดสินเชื่อคงค้าง 151,000 ล้านบาท ภายในปี 2567