สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ประเมินว่า แนวโน้มธุรกิจประกันวินาศภัยและธุรกิจประกันชีวิตปีนี้จะเติบโตต่อเนื่อง จากปัจจัยสนับสนุนทั้งจาผู้บริโภคที่เล็งเห็นความสำคัญของการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงภัย หรือค่ารักษาพยาบาล รวมถึงการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้า(อีวี)
ขณะที่สมาคมประกันวินาศภัยคาดว่า ทั้งปีจะเติบโตราว 4-5% และธุรกิจประกันชีวิตไทยคาดว่า จะเติบโตราว 2-4%
“ฐานเศรษฐกิจ” รวบรวมผลประกอบการทั้งธุรกิจประกันชีวิตและธุรกิจประกันภัย จากการรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) งวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 พบว่า 17 บริษัทที่
จดทะเบียน(บจ.) มีกำไรสุทธิรวม 16,381 ล้านบาทเพิ่มขึ้นเพียง 503 ล้านบาทหรือ 3.17% จาก 15,878 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน
ส่วนใหญ่ 9 บริษัทยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรสุทธินำโดย THG หรือ บริษัท ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 140% รองลงมาคือ THRE หรือ บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) กำไรสุทธิเพิ่ม 27.1%
ตามมาด้วย BLA หรือบริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) 22% และ TIPH บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) 17.7%
ขณะที่ 4 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ คือบริษัท ไทยรีประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ THREL มีขาดทุนสุทธิตามงบการเงินที่แสดงเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสีย 59 ล้านบาท จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 48 ล้านบาทหรือลดลง 222.92%
สาเหตุจากขาดทุนจากการรับประกันภัยต่อ 34 ล้านบาท,ค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,027 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 45% รวมถึงบริษัทมีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 56 ล้านบาท ลดลง 4 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ตามด้วยบริษัท จรัญประกันภัย มีผลขาดทุนสุทธิ 12 ล้านบาท จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 18 ล้านบาท ลดลง 166.67 ล้าน
ส่วนบริษัท ที่ผลขาดทุนสุทธิแย่ลงมากถึง 85.6% คือบริษัท เคดับบลิวไอ จากขาดทุนสุทธิ 383 ล้านบาท เพิ่มเป็นขาดทุนสุทธิ 712 ล้านบาท
ขณะที่บริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย มีผลขาดทุนสุทธิดีขึ้น 85.7% จากเดิมที่มีผลขาดทุนสุทธิ 56 ล้านบาทเหลือขาดทุนสุทธิ 8 ล้านบาทในงวด 9 เดือนปี 2567
ด้านบริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน)หรือ NKI มีกำไรสุทธิ 26 ล้านบาทลดลง 71.4%จาก 91 ล้านบาทช่วงเดียวกันปีก่อน โดยบริษัทมีรายได้รวมเพิ่ม 3.6% เป็น 2,494 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 2,407 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่าย รวมเพิ่มขึ้น 7.04%เป็น 2463 ล้านบาทจาก 2,301ล้านบาท
บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)หรือ AYUD มีกำไรสุทธิ 537.04 ล้านบาทลดลง 14.67 ล้านบาทหรือ 2.66% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แม้ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานจะลดลงกว่า 34% แต่ค่าใช้จ่ายรวมที่ขยับเพิ่มขึ้น 6,650ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.35%จาก 6,253ล้านบาทช่วงเดียวกันปีก่อน
อย่างไรก็ตาม AYUD มีรายได้ รวมเพิ่มขึ้น 4.90%จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดย เบี้ยประกันภัยรับเพิ่มขึ้น 7.29% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของเบี้ยประกันภัยประเภทรถยนต์ และเบี้ยประกัยภัยประเภทสุขภาพ
ส่วนรายได้จากการลงทุนสุทธิเพิ่ม 55.60% เนื่องจากสินทรัพย์ลงทุนที่เพิ่มขึ้น และมีอัตราผลตอบแทนเงินลงทุนในตราสารหนี้ (Investment yield) เพิ่มขึ้นและผลกำไรสุทธิจากเงินลงทุนเพิ่ม 185.16%
ขณะที่บริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน)หรือ TQM คาดว่า ไตรมาส 4/2567 จะได้เห็นการเติบโตที่ดีเนื่องจากเป็น High Season ตามปกติของธุรกิจประกัน จากทั้งประกันรถยนต์ ที่มีโอกาสเติบโตจากการต่ออายุ, ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า รวมไปถึงประกันชีวิตและสุขภาพ ที่เป็นทางเลือกในการลดหย่อนภาษี สำหรับลูกค้า
ทั้งนี้ ตั้งแต่ไตรมาส 4/2567 ต่อเนื่องไปถึงปี 2568 TQM จะมุ่งเน้นการขายประกันชีวิตรายเดี่ยวเพิ่มขึ้น มุ่งเน้นการขาย Up sell และ Cross sell สำหรับฐานลูกค้าปัจจุบันที่มีมากกว่า 3 ล้านราย
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 4,046 วันที่ 21 - 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567