บลจ.ทิสโก้ขาย “ทริกเกอร์หุ้นไทย”เพิ่มอีกกอง รับเศรษฐกิจฟื้น

24 ต.ค. 2565 | 03:42 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ต.ค. 2565 | 10:42 น.

บลจ.ทิสโก้จับจังหวะออกทริกเกอร์หุ้นไทยเพิ่มอีกกอง (TEQT5M8) เอาใจนักลงทุนที่พลาดซื้อกองทุน TEQT5M7 หลังผลตอบรับดี คาดนักลงทุนมั่นใจเศรษฐกิจไทยปีหน้าฟื้นตัวโตเด่นกว่าสหรัฐฯและยุโรป ราคาหุ้นน่าสนใจ แถมซื้อดักเม็ดเงิน RMF และ SSF ไหลเข้า เปิด IPO 25-27 ตุลาคม 2565

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (บลจ.ทิสโก้)เปิดเผยว่า บลจ.ทิสโก้จะเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 5M#8 (TEQT5M8) ความเสี่ยงระดับ 6 (ความเสี่ยงสูง) ตั้งเป้าหมายเลิกโครงการเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.50 บาท/หน่วยภายในระยะเวลา 5 เดือน

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ทิสโก้ จำกัด

บลจ.ทิสโก้ จะเปิดเสนอขายครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 25-27 ตุลาคม 2565 มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท 

ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสการลงทุนให้นักลงทุนที่พลาดจาก IPO กองทุนทริกเกอร์หุ้นไทย รอบก่อนหน้า  หลังจากที่บลจ.ทิสโก้นำเสนอกองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 5M#7 (TEQT5M7) ช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่า ได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า อาจเพราะลูกค้าเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2566 จะเติบโตได้ดีจากแรงส่งเรื่องภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว

 

ขณะที่ราคาหุ้นไทยอยู่ในระดับที่ค่อนข้างถูกและซื้อขายในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี นอกจากนี้ จากสถิติพบว่าช่วงไตรมาสสุดท้ายของทุกปีดัชนีหุ้นไทยมักปรับขึ้นรับเม็ดเงินกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ไหลเข้า

 

 

นายสาห์รัชกล่าวต่อว่า  กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มองว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2566 จะเติบโตถึง 3.7% สูงกว่าในปีนี้ที่จะเติบโต 2.8% ซึ่งดีกว่าประเทศสหรัฐฯและกลุ่มประเทศยุโรปที่คาดว่าปี 2566 เศรษฐกิจจะเติบโตต่ำกว่าปี 2565 โดยเศรษฐกิจไทยได้รับปัจจัยหนุนหลักมาจากภาคการท่องเที่ยวที่น่าจะกลับมาเติบโตดีเป็น 20 ล้านคนในปีหน้า และ 30 ล้านคนในปี 2567

 

ขณะที่ตลาดหุ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยสถิติแล้ว มักจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเม็ดเงินกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ไหลเข้า

 

นอกจากนี้ในปี 2566 คาดว่า จะมีปัจจัยหนุนจากการเลือกตั้งในประเทศ ซึ่งโดยปกติแล้วตลาดหุ้นมักจะตอบรับในเชิงบวกก่อนการเลือกตั้งประมาณ 3-5 เดือน ด้านกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยเริ่มเห็นการฟื้นตัวโดยเฉพาะกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่กำไรเติบโตได้ดีทั้งในแง่ YoY และ QoQ  และการตั้งสำรองก็ลดลง โดยอาจเป็นผลจากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จึงมองว่าหากลงทุนในหุ้นไทยในช่วงนี้น่าจะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนในระดับที่น่าสนใจ