หนึ่งใน ‘ข่าวใหญ่’ ในช่วงที่ผ่านมาคือ ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed ได้ออกมาชี้ว่า วัฏจักรดอกเบี้ยสูง อาจจะยังไม่จบ’ แม้ว่าจากการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2566 ที่คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) มีมติให้คงดอกเบี้ยไว้ แต่ประมาณการดอกเบี้ยในอนาคต หรือ ที่ตลาดรู้จักในนาม Dot Plot กลับแสดงให้เห็นว่า คณะกรรมการฯ ยังมองว่ามีแนวโน้มที่จะปรับดอกเบี้ยในอนาคตเพิ่มขึ้นได้อีก 2 ครั้ง
ในขณะที่ก่อนหน้านั้น ตลาดทุนส่วนใหญ่ต่างมองว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยถึงจุดสูงสุดแล้ว หรือ อาจจะเพิ่มขึ้นได้อีกเพียงหนึ่งครั้ง ทำให้ตลาดเริ่มกลับมาปรับตัวรองรับแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นใหม่อีกรอบหนึ่ง และอาจจะรวมถึงความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีโอกาสที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยมากขึ้นด้วย
แน่นอนว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยไม่ใช่เกิดแค่ในสหรัฐฯ เท่านั้น ด้านคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ดูเหมือนจะส่งสัญญาณว่าดอกเบี้ยขาขึ้นอาจจะยังไม่จบเช่นกัน แม้ว่า กนง. จะปรับดอกเบี้ยขึ้นมาแล้วถึง 6 ครั้งติดต่อกัน จนดอกเบี้ยนโยบายของไทยมาแตะอยู่ที่ 2.00% ซึ่งก็มีเหตุผลที่อธิบายได้ ดังนี้
ดังนั้น เป็นไปได้ว่า กนง. อาจจะมองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายควรจะขึ้นไปแตะระดับนั้นเป็นอย่างน้อยถึงแม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ กนง. จะยังส่งสัญญาณที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม
อย่างไรก็ดีอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันก็ได้ถูกปรับขึ้นมาพอสมควร และคาดว่าใกล้จะถึงจุดสูงสุดแล้ว และอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มจะทรงตัวสูงไปอีกซักระยะเนื่องจากแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อยังสูงจากภาคการบริโภคที่ยังแข็งแกร่ง ซึ่งคงเลี่ยงไม่ได้ที่ภาวะเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยและต้นทุนทางการเงินทรงตัวในระดับสูงเป็นเวลานาน
กลยุทธ์การลงทุนที่น่าสนใจช่วงนี้ อาจต้องเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากการที่ดอกเบี้ยอยู่ใกล้จุดสูงสุดและมีความผันผวนไม่มากกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เช่น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีกระแสเงินสดแข็งแกร่ง ,สาธารณูปโภค และประกันชีวิต เป็นต้น ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาตลาดหุ้น โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี และสาธารณูปโภค มักจะตอบรับในเชิงบวกหลังแรงกดดันจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยผ่านพ้นไป เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีกระแสเงินสดสูง ซึ่งมูลค่าหุ้นจึงมักจะได้ประโยชน์เมื่ออัตราดอกเบี้ยหยุดปรับตัวขึ้น
ขณะที่ผลประกอบการมีผันผวนต่ำในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่ประกันชีวิตได้ประโยชน์จากรายได้อัตราดอกเบี้ยของสินทรัพย์ที่นำเงินไปลงทุนสูงขึ้น ทางเลือกอื่นๆที่น่าสนใจ อาจรวมถึงการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว ซึ่งจะมีความน่าสนใจกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น เพราะจะสามารถรับรู้ประโยชน์จากดอกเบี้ยทรงตัวในระดับสูงได้นานยิ่งขึ้น โดยเน้นคัดเลือกลงทุนในตราสารหนี้ของบริษัทที่น่าเชื่อถือ มีผลประกอบการกำไรดี มีความสามารถในการแข่งขันสูง ที่จะสามารถแบกรับดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้นตามสภาวการณ์ที่ผ่านมาได้
อย่างไรก็ตาม การลงทุนที่ควรหลีกเลี่ยงในภาวะดอกเบี้ยมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง คือ อุตสาหกรรมที่กำไรเป็นไปตามวัฏจักรเศรษฐกิจ เช่น อสังหาริมทรัพย์, Leasing และตราสารหนี้คุณภาพต่ำ เป็นต้น เนื่องจากผลประกอบการมีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากต้นทุนทางการเงินทรงตัวในระดับสูง และภาวะเศรษฐกิจชะลอส่งผลให้คุณภาพสินทรัพย์แย่ลง