ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,194.06 จุด เพิ่มขึ้น 95.96 จุด หรือ +0.28%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,027.26 จุด เพิ่มขึ้น 23.68 จุด หรือ +0.59% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,285.32 จุด เพิ่มขึ้น 110.91 จุด หรือ +0.99%
นักลงทุนขานรับรายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 1-2 พ.ย. ซึ่งระบุว่า "แม้กรรมการเฟดตระหนักว่าตัวเลขเงินเฟ้อยังไม่ได้ส่งสัญญาณลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า เป็นเรื่องเหมาะสมที่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบของนโยบายการเงินที่มีต่อเศรษฐกิจ"
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาตราสารหนี้ทั่วโลกซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองด้วยนั้น ร่วงลงแตะระดับ 3.750% เมื่อคืนนี้ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนในการชำระหนี้ของบริษัทจดทะเบียน
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลงหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวน โดยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 17,000 ราย สู่ระดับ 240,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 225,000 ราย ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการหดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนพ.ย. และยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 7.5% ในเดือนต.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง
หุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเมตา แพลตฟอร์ม ดีดขึ้น 0.72% หุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 1% หุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 0.59% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 1.45%
หุ้นเทสลา ทะยานขึ้น 7.82% หลังจากนักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ปปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นเทสลาขึ้นสู่ระดับ "Neutral (คงน้ำหนักการลงทุน)" จากเดิมที่ระดับ "Sell (แนะนำให้ขาย)"