ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การที่ จีนเปิดประเทศ เร็วกว่าที่คาดไว้ ถือเป็น ข่าวดีและข่าวร้าย สำหรับ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น
ตลาดหุ้นสหรัฐได้ดีดตัวขึ้นในช่วงแรกของการซื้อขายเมื่อวันอังคาร (27 ธ.ค.) ขานรับข่าวการเปิดประเทศของจีนในวันที่ 8 ม.ค. 2566 ที่กำลังจะมาถึง โดยนักลงทุนคาดหวังว่าการเปิดประเทศดังกล่าวจะช่วยให้เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวขึ้น ซึ่งจะผลักดันการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกด้วย
อย่างไรก็ตาม การเปิดประเทศของจีน ก็ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวลในเชิงลบเช่นกัน เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในวงกว้าง รวมทั้งจะส่งผลให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นไปอีก
นายไอเปค ออซคาร์เดสคายา นักวิเคราะห์อาวุโสของสวิสโควต แบงก์ (Swissquote Bank) กล่าวให้ความเห็นว่า
ทั้งนี้ จีนได้ผ่อนคลายนโยบายควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่มีการบังคับใช้อย่างเข้มงวดมายาวนานถึง 3 ปีภายใต้นโยบายโควิดต้องเป็นศูนย์ จนก่อให้เกิดกระแสประชาชนลุกฮือประท้วงรัฐบาลจีนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนนับตั้งแต่มีการประท้วงที่จตุรัสเทียนอันเหมินในปีค.ศ.1989 (พ.ศ.2532)
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้จีนเริ่มผ่อนคลายการคุมเข้มโควิดมาตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค. และล่าสุดต้นสัปดาห์นี้ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) ก็ได้แถลงเมื่อวันจันทร์ (26 ธ.ค.) ว่า จีนจะยกเลิกมาตรการกักตัวผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศเข้าสู่จีน โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2566 นอกจากนี้ ยังจะผ่อนคลายมาตรการบริหารจัดการเกี่ยวกับโควิด-19 สู่ระดับ Category B จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ Category A ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันขั้นสูงสุด
ไม่เพียงเท่านั้น สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของจีนยังแถลงในวันถัดมา (27 ธ.ค.) ว่า จีนจะกลับมาดำเนินการออกวีซ่าให้กับชาวจีนที่อาศัยในแผ่นดินใหญ่สำหรับการเดินทางออกนอกประเทศ รวมทั้งวีซ่าสำหรับชาวต่างชาติที่ประสงค์เดินทางมายังจีน ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2566 เป็นต้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการที่ประกาศเมื่อวันจันทร์ (26 ธ.ค.) ดังกล่าวข้างต้น และเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้เดินทางไม่ว่าจะเป็นชาวจีนหรือต่างชาติที่ประสงค์เดินทางเข้า-ออกจีน
เชื่อว่ามาตรการที่ผ่อนคลายลงนี้ จะช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมการเดินทาง-ท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ทั้งของจีนเองและนานาประเทศที่หวังพึ่งพานักท่องเที่ยวจีนเป็นฟันเฟืองในการสร้างรายได้เข้าประเทศ