นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า
ผมจะมีการหารือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)และกระทรวงสาธารณสุข หรือสธ.ถึงมาตรการการรับมือการเดินทางเข้าไทยของนักท่องเที่ยวจีน
โดยเมื่อหารือเสร็จ ก็จะถามว่าเรามีวัคซีนโควิด เยอะพอหรือไม่ ซึ่งจะขอให้คนไทยโดยเฉพาะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการต้อนรับนักท่องเที่ยว เร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อเตรียมความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวจีน
อีกทั้งผมยังมองว่าถ้านักท่องเที่ยวจีนเข้ามาและเรามีวัคซีนเหลืออยู่จำนวนมาก หรือจะลงทุนซื้อวัคซีนเพิ่ม ซึ่งเรายังมีงบกลางที่สามารถนำมาใช้ได้ เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวเมืองไทยแล้วอยากจะฉีดวัคซีนสามารถฉีดวัคซีนโควิดฟรี เหมือนตอนช่วงแรกๆที่คนไทยบินไปฉีดวัคซีนโควิดในต่างประเทศ
เพราะมองว่าจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวสำหรับตลาดจีนได้เพิ่มขึ้นโดยจะต้องมีการหารือกับกระทรวงสาธารณสุขในเรื่องนี้ก่อน ซึ่งนักท่องเที่ยวจีน 1 คนเข้ามาใช้จ่ายในไทยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 40,000 บาท คิดเฉพาะค่า Vat 7% ก็อยู่ที่ 2,800 บาทแล้ว
ขณะที่วัคซีนเราใช้งบในการจัดหาต่อคนอยู่ที่100-200 บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าคุ้มค่า เพราะค่าวัคซีนเราจ่ายไม่เท่าไหร่ แต่จะแลกกับการมีรายได้จากการท่องเที่ยวจีนเข้ามาเพิ่มขึ้น เพราะเมื่อฉีดวัคซีนครั้งนี้ในอีก 3 ถึง 5 เดือนข้างหน้านักท่องเที่ยวจีนก็จะกลับมาฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในไทยอีกครั้งหนึ่ง
อีกทั้งในวันที่ 5 มกราคมนี้จะมีการประชุมร่วมระหว่าง 3 กระทรวงจึงกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงคมนาคมถึงการเตรียมความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะอีกด้วย
ทั้งนี้การที่จีนเปิดประเทศในวันที่ 8 มกราคม 2566 วจะเป็นปัจจัยบวกอย่างแน่นอน ในด้านการท่องเที่ยวปี 2566 ซึ่งจะสามารถขยับตัวเลขเป้าหมายนักท่องเที่ยวจาก 20 ล้านคน เป็น 25 ล้านคน ซึ่งจะทำให้รายได้ที่ตั้งเป้าหมายไว้ 2.38 ล้านล้านบาทเบาขึ้น คือทำได้ตามเป้าหมาย หรือ สามารถจะมากกว่านั้นได้