(12 ม.ค. 66) คุณเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหลักทรัพย์ในไตรมาสแรกของปี 66 ยังคงมีทิศทางที่ดี และจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ในกรอบ 1,600 ถึง 1,700 จุด โดยมีปัจจัยสนับสนุน จากภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่เติบโตดีกว่าเศรษฐกิจโลก ซึ่งคาดว่าGDP ปี 66 ของไทยขยายตัว 3.8% มากกว่าเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวแค่ 2.6% ในปีนี้
รวมทั้งแรงหนุนมาจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวได้เร็วขึ้นหลังจากจีนผ่อนคลายมาตรการควบคุม โควิด-19 และเปิดประเทศ ประกอบกับกำไรบริษัทจดทะเบียนในปี 2566 คาดอยู่ที่ 1.27 ล้านล้านบาท คิดเป็น EPS ที่ 99.2 บาท/หุ้น เติบโตได้ 6% และทิศทาง Fund Flow ที่มีแนวโน้มไหลเข้ามายังประเทศไทย จากค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่า รวมไปถึงความคาดหวังเชิงบวกจากนโยบายใหม่ๆ ที่จะมีออกมาในช่วงใกล้การเลือกตั้ง
แม้จะมีปัจจัยสนับสนุนแต่ตลาดหุ้นไทยยังมีความเสี่ยงที่มาจากเศรษฐกิจสหรัฐ และยุโรปที่มีโอกาสสูงในการเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) สะท้อนจาก Bloomberg Consensus ที่คาดโอกาสในยุโรปมากถึง 80% และสหรัฐ 65% ซึ่งจะสร้างภาวะเชิงลบต่อตลาดหุ้นภูมิภาครวมถึงในไทยได้ แม้ไทยโอกาสเกิด Recession ต่ำเพียง13%
รวมทั้งปัจจัยกดดันในประเทศจากการดำเนินนโยบายของ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะทำให้ส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนในตลาดหุ้นและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง ซึ่งจากการประเมินหาก กนง. ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% 1 ครั้งจะทำให้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ 1,740 จุด ปรับขึ้น 2 ครั้ง ดัชนีตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ 1,667 จุด แต่หากไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะทำให้ดัชนีในตลาดหลักทรัพย์สามารถปรับตัวขึ้นไปถึง 1,820 จุดได้ โดยคาดว่าดอกเบี้ยปีนี้อยู่ช่วง 1.50% - 1.75%
นอกจากนี้การเก็บภาษีขายหุ้น ที่คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในช่วงต้นไตรมาส 2 ของปี 66 จะกระทบต่อทิศทางตลาดในระหว่างการปรับสมดุล ช่วงก่อนเก็บภาษีจริง รวมทั้งความผันผวนของ DELTA ที่อาจกลับมาสร้างแรงกดดันต่อตลาดได้ เพราะทุกการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น DELTA 1% จะมีผลกระทบ ตลาดหุ้น 0.85 จุด
กลยุทธ์การลงทุน : แนะนำหุ้นทำกำไรมีแนวโน้มเติบโตที่กระจายบน 3 กลุ่มการลงทุน ทั้ง การบริโภคภายในประเทศ จีนเปิดประเทศ และกลุ่มหุ้นปันผลช่วงไตรมาสแรก
หุ้นเด่น
STEC, COM7, GULF, AOT, AP, ASK