ราคาหุ้น บมจ.พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช หรือ PQS เปิดตลาดเช้านี้ (16 ก.พ.66) อยู่ที่ 6.00 บาท ปรับขึ้นมาเท่าราคาไอพีโอ และเพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือบวก 4.35% จากราคาปิดเมื่อวานนี้ ( 15 ก.พ.66 ) ซึ่งอยู่ที่ 5.75 บาท
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.13 น. ราคาหุ้น PQS ปรับขึ้น 0.87% หรือบวก 0.05 บาท มาที่ 5.80 บาท ราคาปรับสูงสุด 6.10 บาท ต่ำสุด 5.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 209.82 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้น PQS เปิดเทรดวันแรก ราคาปรับเพิ่ม 133% ที่ราคา 14 บาท หรือปรับเพิ่มขึ้น 8 บาท จากราคาไอพีโอที่ 6 บาทต่อหุ้น ในระหว่างวันยังลากราคาขึ้นไปแตะสูงสุดที่ 15.80 บาท หรือพุุ่ง 163.33% ก่อนที่แรงเทขายทำกำไรในภาคบ่าย ราคาจะพลิกดิ่งลงมาปิดที่ 5.75 บาท ลดลง 4.17% หรือลบ 0.25 บาท จากราคาไอพีโอ
ขยายโรงงานใหม่ - อุปสงค์ตปท.หนุน
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า PQS เป็นธุรกิจที่มีความน่าสนใจในเชิงของการเติบโตจากอุปสงค์ที่เริ่มกลับมาในต่างประเทศ (ยอดขายส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจีนคิดเป็นสัดส่วนกว่า 70%) ทำให้อัตราการใช้ประโยชน์ของโรงงานเพิ่มขึ้น
อีกทั้งปัจจุบัน PQS ยังได้รับประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ทางภาษีด้านการลงทุนให้ยกเว้นภาษีได้ทั้งในส่วนของธุรกิจแป้งมันและธุรกิจโรงไฟฟ้า และการที่กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทได้มีการทำสัญญาเพิ่มเติมว่าจะไม่มีการขายหุ้นที่ถือภายใน 180 วัน เป็นการสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุน
หากเทียบกับบริษัทในตลาดเช่น TWPC แล้วแม้จะมียอดขายที่น้อยกว่า แต่ด้วยการใช้ประโยชน์โรงงานที่สูงกว่าทำให้มีอัตรากำไรที่ดีกว่า ด้านการประเมินมูลค่าหากเทียบกับ TWPC ที่ PER ปัจจุบันอยู่ที่ 13 – 14 เท่าจะได้มูลค่าที่เหมาะสมราว 7.20 – 7.60 บาท
รอดูการเปิดโรงงาน PMS ในช่วง Q4 ! (ปัจจุบันมีโรงงาน 3 แห่งคือ PQS ที่มุกดาหาร, PQS2012 และ PMS (กำลังก่อสร้าง)ที่สกลนคร รวมถึงการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ (Biogas) จากกากมันและน้ำเสียจากกระบวนการผลิต )
ด้านบล.เคจีไอ มีมุมมองหุ้น PQS ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” และให้ราคาเป้าหมายปี ครึ่งแรกของปี 67ที่ 12.00 บาท อิงจาก PE ที่ 16.0 เท่า ซึ่งเทียบเท่าประมาณ 0.5SD ของค่าเฉลี่ย forward PE ของบริษัทอุบล ไบโอ เอทานอล (UBE.BK/UBE TB) และบริษัทไทยวา (TWPC.BK/TWPC TB) ที่ทำธุรกิจจำหน่ายแป้งมันสำปะหลังเหมือนกัน
เนื่องจาก PQS มีอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจแป้งมันสำปะหลังที่สูงกว่า รวมถึง PQS มีแผนขยายกำลังการผลิตโรงงานแป้งมันสำปะหลังทั่วไป (Native starch) และแป้งมันสำปะหลังดัดแปร (Modified starch) เพิ่มเติมอีกด้วย นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยยังชอบยังชอบบริษัทเนื่องจากมีอัตราการเติบโตของกำไรเฉลี่ย (CAGR) ที่สูงประมาณ 25% ในปี 2564-67