จากกรณีการเทขายหุ้นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 ราย ของบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART กว่า 54 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 1,459 ล้านบาท โดยเป็นการขายให้กับสถาบัน ทำเอานักลงทุนวิตกกังวล จากการขายหุ้นของเจ้าของที่ส่งผลกระทบต่อจิตวิทยานักลงทุน จนมีแรงเทขายหุ้นตามออกมา แม้จะมีการยืนยันออกมาว่า การซื้อขายหุ้นดังกล่าว จะไม่มีผลกระทบต่อการบริหารงาน หรือโครงสร้างการจัดการของบริษัทก็ตาม
ส่วนการชี้แจงสรุปการซื้อขายหุ้นของ JMART ผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์บนกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board) ของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ช่วงวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ 2566 รวม 54,000,000 หุ้น รวมวงเงิน 1,459 ล้านบาท
โดยปรากฎชื่อ นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการ JMART ทำรายการ วันที่ 15 กุมภาพันธ์2566 ขายหุ้นมูลค่ารวม 399 ล้านบาท จากจำนวน 195,388,916 หุ้น (13.41%) เหลือจำนวน 181,388,916 หุ้น(12.45%)
และชื่อของ น.ส.ยุวดี พงษ์อัชฌา กรรมการ JMART ทำรายการ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 ขายหุ้นมูลค่ารวม1,060 ล้านบาท จากจำนวน 110,894,154 หุ้น (7.61%) เหลือจำนวน 70,894,154 หุ้น (4.86%)
โดยเป็นการขายในส่วนของกลุ่มผู้ถือหุ้นให้กับนักลงทุนสถาบันทั้งหมด
แต่ก็ทำให้ความเคลื่อนไหวการซื้อขายหุ้นกลุ่ม บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เมื่อวานที่ผ่านมา (17 ก.พ. 66) ได้ปรับตัวลงเกือบทั้งกลุ่ม
กลุ่มหุ้นบริษัท JMART ประกอบด้วย
ขณะที่มุมมองของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ยังมีทั้งมุมมองให้ระวังราคาจากแรงเทขาย และมุมมองการเข้าซื้อในช่วงที่ราคาลดลงห่างจากราคาเป้าหมาย
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ราคาหุ้นในกลุ่ม JMART ปรับตัวลงต่อเนื่อง ทั้ง JMART, SINGER, J หลังสูญเสียความเชื่อมั่นจากนักลงทุน เนื่องจากทางผู้บริหารได้มีการขายหุ้นออกมา ซึ่งการที่เจ้าของขายหุ้นออกมาก็ถือว่าไม่ดีในแง่ความรู้ของนักลงทุน แม้ว่าจะขายหุ้นให้แก่นักลงทุนสถาบัน แต่ไม่มีใครรับประกันได้ว่าทางสถาบันที่เข้าซื้อหุ้นจะไม่ขายออก
บล.เอเซียพลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ยังคงแนะนำการเข้าซื้อของหุ้น JMART โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 43.00 บาทและอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ 3.6%
บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ จากการขายหุ้นที่เกิดขึ้นในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาของหุ้นกลุ่ม J ทำให้ราคาหลุดแนวรับทุกแนว และยากที่จะประเมินได้ว่า จะลงไปสิ้นสุดที่ตรงไหน รวมทั้งยังเกิดการ “แพนิก” ไปยังนักลงทุนรายย่อย จนเกิดการ Force sell หรือบังคับขาย จากราคาหุ้นที่ลดลงมาหนัก
อย่างไรก็ตามการลงทุนมีความเสี่ยงนักลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนการตัดสินใจ