นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจค้าส่งแม็คโคร และประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจสายงานบัญชี และการเงิน บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 7,697 ล้านบาท ลดลง 43.8% เทียบกับปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 13,687 ล้านบาท เนื่องจากมีต้นทุนการเช่า และการให้บริการ ต้นทุนในการจัดจำหน่าย และค่าใช้จ่ายในการบริการที่เพิ่มขึ้น ทั้งกลุ่มธุรกิจค้าปลีก และกลุ่มธุรกิจค้าส่ง ตามค่าใช้จ่ายดำเนินงานของสาขาตามจำนวนที่เพิ่มขึ้น และค่าบริการจัดส่งสินค้า (Delivery) หลังยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ในปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 469,131 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.1% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีรายได้รวม 266,367 ล้านบาท เป็นรายได้จากการขายจำนวน 447,182 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 188,552 ล้านบาท หรือ 72.9% สาเหตุหลักจากการรวมกิจการกลุ่มธุรกิจค้าปลีกตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2564
กอปรกับการเติบโตของรายได้จากการขายของกลุ่มธุรกิจค้าส่งจำนวน 21,093 ล้านบาท หรือ 9.5% จากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจแม็คโครประเทศไทย การเติบโตของธุรกิจแม็คโครต่างประเทศ และธุรกิจฟูดเซอร์วิสที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวและผ่อนคลายมาตรการการเดินทางระหว่างประเทศ เช่นเดียวกับหลายประเทศในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก
รายได้ค่าเช่าและรายได้จากการให้บริการศูนย์การค้าจำนวน 13,477 ล้านบาท รายได้จากการให้บริการจำนวน 5,422 ล้านบาท และรายได้อื่นจำนวน 3,050 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 21,949 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14,212 ล้านบาท หรือ 183.7% สาเหตุหลักจากรายได้ค่าเช่าและรายได้จากการให้บริการศูนย์การค้าของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกเพิ่มขึ้นจำนวน 10,750 ล้านบาท
ด้านแนวโน้มธุรกิจในปี 2566 บริษัทมีแผนเติบโตทั้งในรูปแบขยายสาขาและออนไลน์ดังนี้
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนขยายพื้นที่เช่าในสาขาเดิมอีก 19 สาขา โดยรูปแบบการตกแต่ง และสินค้าต่าง ๆ จะมีความแตกต่างกันในแต่ละกลุ่ม เพื่อตอบโจทย์ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากขึ้น รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนธุรกิจต่าง ๆ ในร้านค้า ด้วยการเพิ่มสินค้าบริโภคที่สรรหามาทั้งในประเทศและต่างประเทศให้มีความหลากหลาย ที่สำคัญยังมุ่งมั่นขยายธุรกิจ และโอกาสใหม่ ๆ บวกกับการพัฒนาระบบออนไลน์ และโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับการตอบโตของการขายผ่านช่องทางออนไลน์ และการส่งสินค้านอกร้านแบบไร้รอยต่อ ส่งผลให้บริษัทมีรายได้ที่เติบโตขึ้นต่อเนื่อง
จ่ายปันผลอีก 0.33 บาท /หุ้น
ทั้งนี้มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.51 บาท ซึ่งได้จ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท และคงเหลือการจ่ายปันผลอีกในอัตราหุ้นละ 0.33 บาท โดยจะกำหนดรายชื่อผู้ที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 27 เม.ย. 2566 และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 28 เม.ย. 2566 และกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 17 พ.ค. 2566