MAKRO กวาดรายได้ปี65 ที่ 4.6 แสนล้าน สวนทางกำไรลด 43% เหตุต้นทุนพุ่ง

21 ก.พ. 2566 | 01:02 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ก.พ. 2566 | 01:14 น.

MAKRO แจ้งงบปี 65 มีรายได้รวม 469,131 ล้านบาท โต 76.1% สวนทางกำไรสุทธิลดลง 43.8% อยู่ที่ 7,697 ล้านบาท เหตุต้นทุนค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการขยายสาขา-ค่าบริการเดลิเวอรี่ เคาะปันผลอีกหุ้นละ 0.33 บาท

 

นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจค้าส่งแม็คโคร และประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจสายงานบัญชี และการเงิน บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO  เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 7,697 ล้านบาท ลดลง 43.8% เทียบกับปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 13,687 ล้านบาท  เนื่องจากมีต้นทุนการเช่า และการให้บริการ ต้นทุนในการจัดจำหน่าย และค่าใช้จ่ายในการบริการที่เพิ่มขึ้น ทั้งกลุ่มธุรกิจค้าปลีก และกลุ่มธุรกิจค้าส่ง ตามค่าใช้จ่ายดำเนินงานของสาขาตามจำนวนที่เพิ่มขึ้น และค่าบริการจัดส่งสินค้า (Delivery) หลังยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้น
 

ทั้งนี้ในปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 469,131 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.1% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีรายได้รวม  266,367 ล้านบาท เป็นรายได้จากการขายจำนวน 447,182 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 188,552 ล้านบาท หรือ 72.9% สาเหตุหลักจากการรวมกิจการกลุ่มธุรกิจค้าปลีกตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2564 

กอปรกับการเติบโตของรายได้จากการขายของกลุ่มธุรกิจค้าส่งจำนวน 21,093 ล้านบาท หรือ 9.5% จากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจแม็คโครประเทศไทย การเติบโตของธุรกิจแม็คโครต่างประเทศ และธุรกิจฟูดเซอร์วิสที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวและผ่อนคลายมาตรการการเดินทางระหว่างประเทศ เช่นเดียวกับหลายประเทศในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก 

รายได้ค่าเช่าและรายได้จากการให้บริการศูนย์การค้าจำนวน 13,477 ล้านบาท รายได้จากการให้บริการจำนวน 5,422 ล้านบาท และรายได้อื่นจำนวน 3,050 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 21,949 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14,212 ล้านบาท หรือ 183.7% สาเหตุหลักจากรายได้ค่าเช่าและรายได้จากการให้บริการศูนย์การค้าของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกเพิ่มขึ้นจำนวน 10,750 ล้านบาท 
 

 

ด้านแนวโน้มธุรกิจในปี 2566 บริษัทมีแผนเติบโตทั้งในรูปแบขยายสาขาและออนไลน์ดังนี้

  • 1.ธุรกิจค้าส่ง มีแผนขยายสาขาในประเทศ 12 สาขา และขยายสาขาต่างประเทศ  6 สาขา
  • 2.ธุรกิจค้าปลีก มีแผนขยายสาขาทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เป็นทั้งศูนย์การค้าขนาดใหญ่ 5 สาขา และศูนย์การค้าขนาดกลาง และเล็ก 150 สาขา

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนขยายพื้นที่เช่าในสาขาเดิมอีก 19 สาขา โดยรูปแบบการตกแต่ง และสินค้าต่าง ๆ จะมีความแตกต่างกันในแต่ละกลุ่ม เพื่อตอบโจทย์ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากขึ้น รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนธุรกิจต่าง ๆ ในร้านค้า ด้วยการเพิ่มสินค้าบริโภคที่สรรหามาทั้งในประเทศและต่างประเทศให้มีความหลากหลาย ที่สำคัญยังมุ่งมั่นขยายธุรกิจ และโอกาสใหม่ ๆ บวกกับการพัฒนาระบบออนไลน์ และโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับการตอบโตของการขายผ่านช่องทางออนไลน์ และการส่งสินค้านอกร้านแบบไร้รอยต่อ ส่งผลให้บริษัทมีรายได้ที่เติบโตขึ้นต่อเนื่อง

จ่ายปันผลอีก 0.33 บาท /หุ้น
         
ทั้งนี้มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.51 บาท ซึ่งได้จ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท และคงเหลือการจ่ายปันผลอีกในอัตราหุ้นละ 0.33 บาท โดยจะกำหนดรายชื่อผู้ที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 27 เม.ย. 2566 และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 28 เม.ย. 2566 และกำหนดจ่ายปันผลวันที่  17 พ.ค. 2566