นายมานิตย์ ศรายุทธิกรณ์ นักลงทุนเจ้าของเพจ Bert Manit บอกเล่าประสบการณ์ ในการเสวนา”เอาตัวรอดปั้นพอร์ตช่วงตลาดวิกฤติ” ในงานสัมมนา”Set in the Rabbit Hole:หุ้นไทยปีกระต่าย2023”จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ว่า อยู่ในตลาดมา 8 ปีเป็นนักลงทุนที่เน้นเก็งกำไรหุ้นระยะสั้น 1 สัปดาห์-2 เดือน แต่ไม่ใช่เล่นรายวัน เริ่มเติบโตจากหุ้นไทย
โดยการเข้าออกก็มีโดนทุบมาไม่น้อย แต่ถือกลยุทธว่า ถ้าจะเจ็บต้องไม่ให้เจ็บหนัก โดยตั้งเกณฑ์ไว้เลยว่าจะให้เสียหายได้ไม่เกิน 20 % แล้วต้องตัดขายจำกัดความเสียหายทันที เมื่อได้ก็แบ่งขายชดเชยความเสียหายเดิมก่อน
นายมานิตย์เล่าด้วยว่า วิกฤติเป็นเรื่องที่ต้องกลัว แต่กลัวแล้วก็เหมือนแบทแมนที่กลัวค้างคาว แต่ต้องเข้าไปอยู่ใกล้ชิดเพื่อเอาชนะความกลัวค้างคาว คือต้องเข้าไปเรียนรู้ไปหาความจริงในวิกฤตินั้น ๆ จึงจะเอาชนะวิกฤติได้
“ในทางเศรษฐกิจมีวัฏจักร 4 ระยะ คือ ระยะฟื้นตัว เป็นช่วงขาขึ้นของตลาด ทุกอย่างอยู่ในช่วงเติบโต เมื่อโตขึ้นไปเรื่อย ๆ ก็จะเป็นช่วงเฟื่องฟู เกิดการลงทุน มีการเก็งกำไร จนถึงขีดสุด เมื่อเก็งกำไรมากเข้า ๆ ที่สุดก็เป็นฟองสบู่ที่ต้องแตก เกิดภาวะถดถอย มีความเสียหายต่าง ๆ กลายเป็นภาวะตกต่ำ ซึ่งเมื่อถึงจุดต่ำสุดแล้ว ในที่สุดก็จะเริ่มกลับมาฟื้นอีกรอบ เป็นวัฏจักรที่ต้องเกิด”
เทคนิคการเล่นหุ้นคือต้องเข้าใจกรอบใหญ่ของวัฏจักรเศรษฐกิจ ประกอบกับการดูทิศทางหรือแนวโน้มรายสัปดาห์หรือรายเดือน และเมื่อเห็นแนวโน้มแล้วต้องกล้าตัดสินใจ ถ้าทิศทางมีแนวโน้มจะลง ก็ต้องกล้า Cut Lose ตัดขายเพื่อจำกัดความเสียหาย
นายมานิตย์เล่าประสบการณ์ว่า กรณีแบงก์ล้มในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ไล่จากซิลเวอร์เกตล้ม เอสวีบีล้ม จนข้ามมายุโรปเครดิตสวิสล้ม ตลาดหุ้นตกไม่มีใครรู้ว่าจะลงไปถึงเท่าไหร่ ประจวบกับช่วงนั้นพอดีอยู่ที่สวิสเซอร์แลนด์ จึงเข้าไปที่แบงค์เครดิตสวิสฯ เข้าไปถามพนักงานของแบงก์โดยตรงเลยว่า ดัชนีหุ้นไทยตกตามทันที สถานการณ์จะแพนิคมั๊ย เจ้าหน้าที่แบงก์เล่าว่า เครดิตสวิสมีปัญหามาเป็นสิบปี ผู้บริหารรู้ ลูกค้ารู้ รัฐบาลรู้ หน่วยงานกำกับดูแลก็รู้ และเข้ามาดูแลอย่างรวดเร็ว ไม่มีแพนิคแน่
เมื่อรู้ว่าวิกฤตินี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่แตกตื่นแน่แล้ว ก็ทำให้เราตัดสินใจในการลงทุนได้ 1.เลือกหุ้นที่ไม่กระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ราคาลดต่ำลงมาก ซึ่งช่วงนั้นตลาดลงหนักโอกาสซื้อหุ้นเพื่อการลงทุนมีเยอะมาก เช่น หุ้น AOT ที่ลงมาถึงแนวรับที่น่าสนใจในรอบ 2-3 ปี ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากปัญหาในยุโรป-อเมริกา เพราะมีนักท่องเที่ยวจีนมาชดเชยจากการเปิดประเทศ ทำให้หุ้น AOT กลายมาเป็นตัวนำในการดันตลาดหุ้นไทยในช่วงต่อมา
นายมานิตย์สรุปว่า กลยุทธ์การลงทุนหุ้นในช่วงวิกฤติจึงต้องยึดหลัก 4 ประการ คือ 1.ยอมแพ้ให้เป็น นักลงทุนต้องมีเซอร์กิต เบรกเกอร์ของตนเอง เมื่อหุ้นขาลงถึงจุดที่ตั้งไว้ต้องกล้าตัดสินใจStock Lose Cut Lose ขายออกจำกัดไม่ให้เสียหายเพิ่ม 2.เดินหน้าค้นหาความจริงของวิกฤติ ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง เป็นเรื่องชั่วคราวหรือระยะยาว เพื่อจะตั้งรับได้ 3. เลือกหุ้นที่ไม่เกี่ยวหรือไม่ได้รับกระทบจากวิกฤติ มีประสิทธิภาพ ราคาปรับลดมาถึงจุดที่น่าสนใจเข้าลงทุน และ 4.เห็นโอกาสแล้วต้องมีเงินสดในมือพอที่จะลงทุนซึ่งก็คือเมื่อราคาขึ้นถึงเกณฑ์ที่ตั้งก็แบ่งขายทำกำไรเพื่อถือเงินสด หรือถ้าขาลงถึงจุดที่ต้องCut Lose ก็ต้องรีบขายเพื่อไม่ให้เสียหายหนักเกินกำลัง
โดยในสถานการณ์ตลาดหุ้นเวลานี้ นายมานิตย์รับว่า จัดพอร์ตโดยถือเงินสดไว้เยอะหน่อย ประมาณ 50% ยังไม่จัดหนัก เกาะติดข่าวสารให้พร้อมช้อนได้ทันทีที่มีโอกาส