DEXON พร้อมเข้าเทรด ตลาด mai วันแรก 31 มี.ค. 66

30 มี.ค. 2566 | 11:39 น.
อัปเดตล่าสุด :30 มี.ค. 2566 | 11:49 น.

DEXON ผู้ให้บริการตรวจสอบทางวิศวกรรม ในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ปิโตรเคมี พร้อมเข้าซื้อขายใน ตลาด mai วันแรก 31 มี.ค.นี้ โบรกฯ ให้ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 6.10-6.90 บาท กำไรเฉลี่ย 24% ในช่วง 3 ปี

บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) DEXON เป็นผู้ให้บริการตรวจสอบทางวิศวกรรมและสร้างนวัตกรรมทางเทคโนโลยีสำหรับตรวจสอบโครงสร้างและอุปกรณ์การผลิตในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ปิโตรเคมี อุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้า กลุ่มพลังงานหมุนเวียน และที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐาน

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai ยินดีต้อนรับ บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มบริการ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “DEXON” ในวันที่ 31 มีนาคม 2566

DEXON มีทุนชำระแล้วหลัง IPO 238.25 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 353.32 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 123.18 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 4.50 บาท คิดเป็นมูลค่าเสนอขาย 554.32 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 2,144.25 ล้านบาท

ทั้งนี้การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO มาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (book building) หากพิจารณาผลกำไรสุทธิในปี 2565 ซึ่งเท่ากับ 105.15 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.22 บาท จะคิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 20.45 เท่า

ด้านนางมัลลิกา แก่กล้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DEXON เปิดเผยว่า บริษัทฯมีความพร้อมในทุกด้านสำหรับการนำ DEXON เข้าจดทะเบียน และซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) การระดมทุนในครั้งนี้มีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังประเทศเนเธอร์แลนด์ (ทวีปยุโรป) รวมถึงสหรัฐอเมริกา

นางมัลลิกา แก่กล้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DEXON

โดยเน้นให้บริการตรวจสอบทางวิศวกรรมระบบท่อด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงมีคู่แข่งในตลาดน้อยราย โดยเฉพาะการตรวจสอบรอยแตกขนาดเล็กในระบบท่อส่งที่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษที่มีเทคโนโลยีสูงที่บริษัทพัฒนาขึ้น

ควบคู่กับการลงทุนในงานวิจัย พัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า และการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม

ผลประกอบการของ DEXON ในปี 2563-2565

บริษัท และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขาย และบริการ 438.97 ล้านบาท 433.46 ล้านบาท และ 608.51 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 11.04 ล้านบาท 18.15 ล้านบาท 105.15 ล้านบาท ตามลำดับ

โดยรายได้ในปี 2565 เพิ่มขึ้น 175.04 ล้านบาท เติบโต 40.38% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2564 และมีกำไรสุทธิในปี 2565 เพิ่มขึ้น 87 ล้านบาท เติบโต 479.33% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2564

เนื่องจากลูกค้าต่างประเทศเป็นหลักตามสถานการณ์ COVID-19 ที่ผ่อนคลายและบริษัทสามารถเดินทางไปให้บริการในต่างประเทศได้มากขึ้น โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากที่เผชิญวิกฤต COVID-19 มาตั้งแต่ปี 2563

DEXON มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO ประกอบด้วย

  1. นางมัลลิกา แก่กล้า ถือหุ้น 7.42%
  2. นางสาวกอบแก้ว เคราแก้ว ถือหุ้น 36.33%
  3. บริษัท ดาคอน อินดัสเตรียล อินสเป็คชั่น (สิงคโปร์) พีทีอี ลิมิเต็ด ถือหุ้น 25.02%

บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ในแต่ละปี ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมาย

มุมมอง 3 บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ต่อ DEXON

บล.บียอนด์ ประเมินมูลค่า DEXON ด้วยวิธี PER โดยกำหนดช่วงราคาเหมาะสมที่ 6.25 - 6.90 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Implied target PER ปี 2023 ที่ 20-22 เท่า พร้อมคาดการเติบโตของกำไรสุทธิเฉลี่ย 24% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ประเมินราคาพื้นฐานในปี 66 ที่ 6.20 บาท DEXON มีจุดเด่นทั้งความเชี่ยวชาญและเป็นผู้ประกอบการในไทยรายเดียวที่ให้บริการตรวจสอบระบบท่อ (ILI) ได้ด้วยตัวเองและเป็นไม่กี่รายในโลกที่บริการตรวจสอบท่อส่งได้ตั้งแต่ 3 นิ้ว - 64 นิ้ว, มีแผนกวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์เพื่อสนับสนุนงานของบริษัทและตอบสนองลูกค้าภายนอก และการขยายตลาดในต่างประเทศ อิง P/E ที่ 20 เท่า ราคาพื้นฐานอยู่ที่ 6.20 บาท

บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) ประเมินราคาเป้าหมายที่ 6.10 บาท ใช้วิธิประเมินมูลค่าที่เหมาะสมโดยใช้ P/E ที่ 20.8x เท่า หรือเท่ากับ -0.5 s.d.ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของบริษัทที่มีธุรกิจใกล้เคียงกัน จากการประมาณการรายได้ในปี 67F ที่ 878 ล้านบาท และมีการเติบโต 16% ต่อปี ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากช่วงโควิด และการขยายกิจการไปยังต่างประเทศ