ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,055.51 จุด ลดลง 231.07 จุด หรือ -0.69%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,145.58 จุด ลดลง 47.05 จุด หรือ -1.12% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,560.25 จุด ลดลง 160.53 จุด หรือ -1.26%
การเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้รอบใหม่ระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้เสร็จสิ้นลงเมื่อวานนี้โดยที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ ขณะที่นายแมคคาร์ธีกล่าวว่าเขาจะเจรจากับปธน.ไบเดนแบบวันต่อวันจนกว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลง
แมทธิว มิสกิน นักวิเคราะห์จากบริษัท John Hancock Investment Management กล่าวว่า ตลาดหุ้นสหรัฐมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความผันผวนอย่างหนักก่อนที่จะถึงกำหนดเส้นตายการผิดนัดชำระหนี้ในวันที่ 1 มิ.ย. หรือ "X-date" ซึ่งเป็นวันที่รัฐบาลกลางสหรัฐไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามพันธกรณีทางกฎหมาย
ขณะที่นักวิเคราะห์จาก UBS Global Wealth Management คาดการณ์ว่า ดัชนี S&P500 จะร่วงลงกว่า 10% หากทำเนียบขาวและสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการเพิ่มเพดานหนี้ได้ก่อน X-date
อย่างไรก็ดี ตลาดได้แรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากเอสแอนด์พี โกลบอลรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ พุ่งขึ้นสู่ระดับ 54.5 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือน จากระดับ 53.4 ในเดือนเม.ย. โดยดัชนี PMI อยู่เหนือระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของสหรัฐมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
หุ้นโลว์ส ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 1.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ 3.67 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.44 ดอลลาร์
หุ้นบรอดคอม ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 1.2% หลังจากบรอดคอมทำข้อตกลงมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์กับบริษัทแอปเปิ้ล อิงค์ เพื่อผลิตชิปในสหรัฐ อย่างไรก็ดี ข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นแอปเปิ้ลปิดตลาดร่วงลง 1.5%
หุ้น Zoom Video Communications ซึ่งเป็นผู้ให้บริการวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ร่วงลงกว่า 8% หลังบริษัทเปิดเผยรายได้ชะลอตัวลงในไตรมาส 1/2566
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ เฟดจะเปิดเผยรายงานการประชุมซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 2-3 พ.ค. ส่วนในวันพรุ่งนี้สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2566 (ประมาณการครั้งที่ 2) และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) เดือนเม.ย.
สำหรับในวันศุกร์จะมีการเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย. และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนเม.ย. โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)