ดาวโจนส์ปิดร่วง 199.90 จุด นักลงทุนจับตาประชุมเฟด

05 มิ.ย. 2566 | 23:35 น.
อัปเดตล่าสุด :05 มิ.ย. 2566 | 23:38 น.

ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบในวันจันทร์ (5 มิ.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อประเมินว่าเฟดจะระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดหรือไม่

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,562.86 จุด ลดลง 199.90 จุด หรือ -0.59%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,273.79 จุด ลดลง 8.58 จุด หรือ -0.20% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,229.43 จุด ลดลง 11.34 จุด หรือ -0.09%

นักลงทุนยังคงเทน้ำหนักให้กับการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย.นี้ โดยข้อมูลล่าสุดที่ช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ดังกล่าวคือรายงานของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 50.3 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 51.9 ในเดือนเม.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 51.5

ทั้งนี้ ดัชนีภาคบริการของ ISM ประกอบด้วยอุตสาหกรรม 17 กลุ่มซึ่งรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ การขนส่ง การก่อสร้าง และเหมืองแร่

นอกเหนือจากการประชุมเฟดแล้ว นักลงทุนยังจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งมีกำหนดแถลงนโยบายการเงินต่อคณะกรรมการธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐในวันที่ 22 มิ.ย.นี้ โดยการแถลงดังกล่าวนับเป็นครั้งที่ 2 ของปีนี้

หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มพลังงงาน ลดลง 0.71% และ 0.58% ตามลำดับ ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสาร และกลุ่มสาธารณูปโภคดีดตัวขึ้น 0.58% และ 0.45% ตามลำดับ

หุ้นแอปเปิ้ล ลดลง 0.8% หลังจากราคาหุ้นพุ่งขึ้นทำนิวไฮในระหว่างวัน ภายหลังจากบริษัทประกาศเปิดตัว "วิชัน โปร (Vision Pro)" ผลิตภัณฑ์แว่นเออาร์ (AR Headset) ซึ่งถือเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่แอปเปิ้ลเปิดตัวผลิต iPhone

หุ้นธนาคารรายใหญ่ร่วงลง หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐเตรียมออกกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับธนาคารรายใหญ่ ซึ่งอาจจะรวมถึงการเพิ่มข้อกำหนดการสำรองเงินทุนอีก 20% โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวลง 0.55% หุ้นเจพีมอร์แกน ลดลง 0.98% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ลดลง 0.72%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมี.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.8%

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ค.จากจากเอสแอนด์พี โกลบอล, ดัชนีภาคบริการเดือนพ.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนเม.ย., ดุลการค้าเดือนเม.ย.  และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์