ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,053.87 จุด ร่วงลง 245.25 จุด หรือ -0.72%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,388.71 จุด ลดลง 20.88 จุด หรือ -0.47% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,667.29 จุด ลดลง 22.28 จุด หรือ -0.16%
นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 1.2%, ดัชนี S&P500 พุ่งขึ้น 2.6% และดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้น 3.2%
ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปสงค์ชะลอตัวทั่วโลก หลังจากธนาคารรายใหญ่หลายแห่งพากันปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจจีน โดยยูบีเอสปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนในปีนี้ลงสู่ระดับ 5.2% จากระดับ 5.7% และซิตี้กรุ๊ปปรับลดคาดการณ์ GDP จีนปีนี้ลงเหลือ 5.5% จากระดับ 6.1%
การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนส่งผลให้ธนาคารกลางจีนตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีลง 0.10% สู่ระดับ 3.55% จากระดับ 3.65% และปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีลง 0.10% สู่ระดับ 4.2% จากระดับ 4.3% ซึ่งเป็นการปรับลดดอกเบี้ยทั้งสองประเภทครั้งแรกในรอบ 10 เดือน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งขึ้นสู่ระดับ 1.63 ล้านยูนิตในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือน และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.39 ล้านยูนิต ซึ่งบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของตลาดอสังหาริมทรัพย์
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลง 2.29% หลังจากราคาน้ำมัน WTI ร่วงลงเกือบ 1.8% เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปสงค์ชะลอตัวในประเทศจีน ขณะที่หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยดีดตัวขึ้น 0.75%
หุ้นอะโดบี (Adobe) ปรับตัวลง 1.9% หลังมีรายงานว่าหน่วยงานต่อต้านการผูกขาดของยุโรปเตรียมตรวจสอบข้อตกลงที่อะโดบีจะเข้าซื้อกิจการบริษัทฟิกมา (Figma) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการออกแบบบนระบบคลาวด์
หุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ร่วงลง 4.5% หลังบริษัทประกาศปรับเปลี่ยนตำแหน่งของฝ่ายบริหาร โดยระบุว่า นายอู๋ หย่งหมิง หรือเอ็ดดี้ อู๋ ประธานเถาเป่าและทีมอลล์กรุ๊ป จะเข้ารับตำแหน่งซีอีโอต่อจากนายแดเนียล จาง ตามแผนการปรับโครงสร้างบริษัท
หุ้นแกร็บ โฮลดิ้งส์ ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปรับตัวลง 1.17% หลังจากบริษัทประกาศปลดพนักงานจำนวน 1,000 คน หรือ 11% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด ซึ่งเป็นการปลดพนักงานครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2563 เพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพื่อให้บริษัทสามารถให้บริการในระยะยาว
นักลงทุนจับตานายพาวเวลซึ่งจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ (21 มิ.ย.) เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย และจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันพรุ่งนี้ ในเวลาเดียวกัน เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 10 ครั้งติดต่อกันนับตั้งแต่ที่เฟดเริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. 2565 ก่อนที่จะประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว