ประเด็นร้อนทางการเมืองในการเตรียมเลือก "ประธานสภา" ที่ยังไม่ได้ข้อสรุปจากสองพรรคอันดับหนึ่งและสองอย่าง พรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อไทย จนล่าสุดมีการแจ้งเลื่อนประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาล ออกไปเป็นวันที่ 2 ก.ค. 66 หลังเกิดศึกชิงประธานสภา จนยังหาข้อยุติไม่ได้
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงการเลือกประธานสภาระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยที่ยังไม่ลงตัวว่า ในภาคตลาดทุนมองว่าเรื่องดังกล่าวนั้น มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่น
โดยสะท้อนได้จากดัชนีในตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลงทุกวัน ซึ่งเหตุผลหลักมาจากความไม่แน่นอนทางการเมือง เนื่องจากทิศทางและความชัดเจนยังไม่แน่ชัด จนนักลงทุนไม่สามารถจับทิศทางทางการเมืองได้ ทำให้มีการปรับลดพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยง
พร้อมมองว่าดัชนีในตลาดหุ้นไทยในระยะนี้คงไม่ขยับไปไหนไกล รวมถึงหากมีความขัดแย้งจนปานปลายเกิดความวุ่นวาย ก็เชื่อว่าจะยิ่งฉุดความเชื่อมั่นลดลงไปอีก และยังทำให้ความมั่นใจของนักลงทุนลดลงตามไปด้วย
อย่างไรก็ตามหากมีการเลือกประธานสภาได้ข้อสรุปชัดเจน ก็อาจจะเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นในภาคการลงทุนและตลาดทุน โดยอาจจะไม่ต้องรอถึงขั้นเลือก "นายกรัฐมนตรี" ตลาดน่าจะปรับตัวดีขึ้น
"มีผลเยอะสำหรับเรื่องการเมือง ตลาดร่วงทุกวันเหตุผลหลักมาจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ข่าวสารปัจจุบันยังจับทิศทางไม่ได้ ทำให้นักลงทุนปรับลดความเสี่ยง และกลัวความวุ่นวายที่อาจจะเกิดขึ้นหากไม่ได้ข้อสรุป" นายไพบูลย์ กล่าว