ตลท. ชี้ตั้งรัฐบาลได้เร็วเป็นประโยชน์นักลงทุน มองหุ้นครึ่งหลังปี 66 ดีขึ้น

10 ก.ค. 2566 | 09:44 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ก.ค. 2566 | 15:24 น.

ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ชี้ทุกความคืบหน้าของการ "จัดตั้งรัฐบาลใหม่" เป็นประโยชน์กับนักลงทุน พร้อมคาดตลาดหุ้นไทยครึ่งหลังปี 66 จะมีแนวโน้มดีขึ้นกว่าในครึ่งปีแรก

(10 ก.ค. 66) นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุว่า ทุกความคืบหน้าในการ "จัดตั้งรัฐบาลใหม่" จะเป็นประโยชน์ให้กับนักลงทุน รวมทั้งนโยบายของรัฐบาล ต้องมีความชัดเจนมากขึ้น เพราะมูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยที่ลดลงนั้น

เป็นสิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ค่อนข้างกังวล ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัย โดยปัจจุบันนักลงทุนรายย่อยในประเทศ และต่างชาติค่อนข้างมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน แต่นักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่ยังอยู่ในสถานะเฝ้ารอติดตามสถานการณ์

ส่วน "แนวโน้มตลาดหุ้นไทย" ในครึ่งหลังปี 66 มีปัจจัยกดดันจากภาวะอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง คาดว่าจะปรับขึ้นอีกไม่มาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดอาจจะลดน้อยลง โดยยังคงมีปัจจัยจากความไม่น่อนนอนอื่น ๆ เช่น ภูมิรัฐศาสตร์ และการท่องเที่ยว ที่ยังคงไม่มีความชัดเจน

แต่เชื่อว่าแนวโน้มจะไม่แย่ลงไปกว่าเดิม ขณะที่เศรษฐกิจโลกที่ยังคงปัญหามีอยู่ จึงอาจยังไม่ได้เป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของการลงทุนในช่วงนี้

ทำให้คาดว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทย ในครึ่งหลังของปี 66 จะดีขึ้นจากครึ่งปีแรกที่ เผชิญกับมรุสมหลายด้าน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวน่าจะทำให้บริษัทจดทะเบียนสามารถทำผลประกอบการได้ดี และดึงดูดเม็ดเงินต่างชาติไหลกลับเข้ามา

ปม STARK ย้ำหน่วยงานทำงานได้เร็วกว่าในอดีต

ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังได้กล่าวถึงในส่วนการอายัดทรัพย์สินของ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ "STARK" ว่า ในปัจจุบันหน่วยงานต่าง ๆ ทำงานกันได้อย่างรวดเร็วแบบที่ไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน

ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะทำให้ในอนาคตสามารถทำงานได้รวดเร็วมากขึ้น และมีประสิทธิภาพทั้งนี้จากเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเรื่องที่มีโอกาสที่จะเกิดข้อผิดพลาดได้ แม้จะมีการป้องกันอย่างดีแล้วก็ตาม

เนื่องจากเป็นการทุจริตฉ้อโกง จึงต้องดูว่าในอนาคตจะทำอย่างไรให้สามารถป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าในปัจจุบัน

ส่วนผลกระทบที่ทำให้มูลค่าการซื้อขายของตลาดเบาบางลง ยังเป็นสิ่งที่กังวลว่าจะทำอย่างไรให้สภาพคล่องกลับขึ้นมา แต่ปัญหานี้เกิดขึ้นกับหลายประเทศ ไม่ใช่เฉพาะตลาดหุ้นไทย นักลงทุนในประเทศไม่เข้ามา เพราะยังไม่ชัดเจนในหลายเรื่อง

สำหรับนักลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนการซื้อขายมากขึ้น ทำให้ตลาดมีเสถียรภาพ เพราะมีไม่กี่เจ้า มีการเข้าออกได้ง่าย ทั้งนี้ตลาดจะมีการจัดงาน Thailand focus 2023 ในวันที่ 23-25 ส.ค.นี้ เพื่อดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ

ดัชนีตลาดหุ้นไทยเดือน มิ.ย. ลดลง 2.0% หลังต่างชาติเทขาย 5 เดือนติด

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุในการแถลงข่าวว่า ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2566 ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ปิดที่ 1,503.10 จุด ปรับลดลง 2.0% จากเดือนก่อนหน้า และปรับลดลง 9.9% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 65

โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 65 ที่ผ่านมา ประกอบไปด้วย กลุ่มเทคโนโลยี, กลุ่มการเงิน, กลุ่มบริการ, และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค

ภาวะตลาดหุ้นไทย เดือน มิ.ย. 66

ด้านมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในตลาด SET และ mai อยู่ที่ 47,893 ล้านบาท ปรับลดลง 33.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า ทำให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน 6 เดือนแรกปี 66 อยู่ที่ 58,670 ล้านบาท

ด้านนักลงทุนต่างชาติยังคง "ขายสุทธิ" เป็นเดือนที่ห้าติดต่อกัน ในเดือน มิ.ย. ขายสุทธิ 8,617 ล้านบาท ส่วน Forward P/E ของ SET ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 66 อยู่ที่ 16.0 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชีย ซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.8 เท่า

ส่วนกรณีที่มีหุ้นกู้ของ บริษัทจดทะเบียนบางแห่งผิดนัดชำระหนี้ (ALL-STARK) ส่งผลให้มีความกังวลในการลงทุน ทั้งในตลาดตราสารทุน และตราสารหนี้ จึงเห็นแรงเทขายในหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็ก

แต่การเมืองไทยที่มีพัฒนาการดีขึ้นหลังได้ประธานสภา ส่งผลให้ดัชนีต่างๆ เริ่มปรับตัวดีขึ้น และหากพิจารณาจากอัตราส่วน Forward PE ของ SET ยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ทำให้ผู้ลงทุนบุคคล และสถาบันในประเทศเริ่มกลับมาซื้อสุทธิในครึ่งแรกของปี 66