"NUSA" เคลียร์ปม Backdoor ปัดซ้ำรอย "STARK" ยันไม่มีดีลทิพย์

19 ก.ค. 2566 | 01:00 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ก.ค. 2566 | 01:21 น.

"NUSA" เคลียร์ปม "Backdoor" ปัดเป็น STARK 2 ย้ำมองเห็นโอกาส WEH เติบโตหลังในปีนี้รับเงินปันผลแล้วกว่า 160 ล้านบาท พร้อมยืนยันไม่มีดีลทิพย์เข้าซื้อ PANACEE ที่เยอรมนี ด้านฐานะการเงินยังแกร่ง

หลังจากก่อนหน้านี้ที่ทาง บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ "NUSA" เจอกระแสข่าวว่าจะเสี่ยงใกล้เคียงกับกรณี "STARK" หรืออาจเป็น STARK 2 เหตุอันเนื่องมาจากทาง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้ชี้แจงและปรับปรุงข้อมูลที่ได้เผยแพร่ผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในของเรื่อง การได้มาซึ่งหุ้นของ บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) ที่มีข้อมูลการคำนวณขนาดรายการที่ไม่เป็นไปตามความเห็นของ ก.ล.ต. ให้ครบถ้วน ถูกต้อง พร้อมส่งสัญญาณแจ้งเตือนนักลงทุน

ล่าสุด นางศิริญา เทพเจริญ ประธานบริหาร บริษัท ณุศา เลเจนด์ สยาม พัทยา จำกัด และรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ "NUSA" เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ภาพรวมจากข่าวที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ทำให้ทาง NUSA เสียชื่อเสียง พร้อมยืนยันว่าเป็นคนละเรื่องกับ STARK และเราไม่ใช่ STARK 2 ตามกระแสข่าวก่อนหน้านี้

เนื่องจากเรามีสินทรัพย์ มีที่ดินในโครงการอย่าง MY OZONE กว่า 1,300 ไร่ และที่ดินใน พัทยาอีก 300 ไร่ โดยในที่ดินที่มีในพื้นที่พัทยา ทางบริษัทได้ซื้อมาในราคาไร่ละ 2 ล้านบาท ขณะที่ราคาปัจจุบันอยู่ที่ไร่ละ 20 ล้านบาท

ถือเป็นจุดแข็งของทาง NUSA ที่มีที่ดินถือครองไว้ในสต๊อคเป็นจำนวนมาก รวมทั้งทางที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (Independent Financial Advisor : IFA) อยู่ระหว่างการประเมินมูลค่าทางบัญชีของบริษัทซึ่งเชื่อว่าในปัจจุบันจะมีมูลค่าต่อหุ้นสูงกว่ามูลค่าปัจจุบันอยู่เป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ปัจจุบันสถานะทางการเงินของบริษัท มีสินทรัพย์ 15,589.75 ล้านบาท มีหนี้สินเพียง 6,302.30 ล้านบาท มูลค่าหุ้นทางบัญชี 0.78 บาทต่อหุ้น และมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) เพียง 0.68 เท่า

นางศิริญา เทพเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ "NUSA"

ปัดเป็น STARK 2 ปมซื้อ PANACEE เยอรมนี

นางศิริญา กล่าวว่า การเข้าซื้อ PANACEE ที่เยอรมนี เบื้องต้นในตอนแรกทาง NUSA ต้องการซื้อตัวอาคาร แต่เนื่องจากตัวอาคารถูกจดทะเบียนในรูปแบบบริษัท ทำให้ทางเราต้องเปลี่ยนจากการซื้ออาคารมาเป็นการเข้าซื้อบริษัทแทน

ทำให้ต้องมีการโอนเงินระหว่างการซื้ออาคารที่ได้จ่ายไปเป็นการซื้อบริษัทเจ้าของอาคาร โดยในเรื่องนี้ทาง NUSA ได้มีการแจ้งไว้ในส่วนของงบการเงินตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 66 แล้ว รวมทั้งตัวอาคารและบริษัทดังกล่าวได้ โอนกรรมสิทธิ์เป็นของทาง NUSA แล้ว

"เราไม่ได้ซื้อทิพย์เราซื้อของจริงๆ ในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ต้องการเห็นทาง NUSA เติบโต รับรองได้ว่าในรายการเราซื้อและได้ของมาจริง" นางศิริญา กล่าว

ภาพประกอบ THE PANACEE GROUP

โดยการซื้อ PANACEE ในเยอรมนี เป็นความต่อเนื่องหลังจากทางบริษัทได้มีการเข้าซื้อ PANACEE ทั้งในไทยและจีน จนถือรวมกว่า 90% เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจในด้านสุขภาพ ที่บริษัทกำลังให้ความสนใจในด้านนี้

ทั้งนี้เป็นไปตามกลยุทธ์ของบริษัทที่จะมุ่งเน้น 3 ธุรกิจ ที่ประกอบไปด้วย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจการแพทย์ และธุรกิจพลังงาน

แจงประเด็นการเข้าซื้อหุ้นบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง (WEH) ยันไม่เข้าข่าย Backdoor Listing

นางศิริญา ได้กล่าวถึง การเข้าซื้อหุ้น WEH ในครั้งนี้ ผ่านการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนเฉพาะเจาะจง (Private Placement : PP) จำนวน 13,053,640,950 หุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.90 บาทต่อหุ้น มูลค่า 11,748,276,855 บาท หรือในอัตราการแลกหุ้น 1 หุ้น (WEH) ต่อ 450 หุ้น (NUSA) แทนการชำระด้วยเงินสดนั้น

ในเรื่องนี้ทาง NUSA ไม่ได้ที่จะสนใจเข้าซื้อในตอนนี้ โดยก่อนหน้านี้ในช่วงปี 2558 บริษัทได้เคยเข้าไปซื้อหุ้น WEH แล้วประมาณ 1.17% ในราคาซื้อหุ้นละ 550 บาท วงเงินรวม 700,000,400 บาท บนเงื่อนไขหาก WEH ไม่สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 2-3 ปี จะต้องคืนหุ้นกลับพร้อมดอกเบี้ย ซึ่งทางบริษัทก็ได้รับเงินพร้อมดอกเบี้ยกลับคืนมานั่น ถือเป็นการเข้าซื้อครั้งแรก

พร้อมยืนยันว่า WEH เป็นบริษัทที่ดีแต่ไม่ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพราะยังไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ครบตามแผนงาน ณ ตอนนั้น จนต่อมาในปี 2565 ที่ผ่านมามีผู้ถือหุ้นรายย่อยเข้ามาเสนอขายหุ้น WEH อีกครั้ง

โดยทางบริษัทมีข้อมูลดังกล่าวอยู่แล้วจึงได้เข้าซื้อ 7% รวมทั้งยังเห็นโอกาสรายได้และผลตอบแทน (Passive Income) ให้แก่บริษัท เนื่องจากการเข้าถือหุ้นทำให้ NUSA รับเงินปันผลในปีนี้รวมกว่า 160 ล้านบาท

ทั้งนี้หากจะมองหาบริษัทที่มีผลประกอบการ 5-6 พันล้านบาท และยังมีรายได้มั่นคงถือว่าหาได้ยาก จึงได้ทำ PP ในราคาหุ้น 0.90 บาท เพื่อแลกหุ้น WEH ในราคา 405 บาท จากราคา 8 ปีก่อนที่มีราคาที่ 550 บาท แม้ราคาหุ้น NUSA จะอยู่ที่ 0.50-0.60 บาทในปัจจุบัน แต่สามารถแลกได้ในราคา 0.90 บาท ถือได้ว่าผู้ที่ต้องการแลกเห็นถึงความสามรถธุรกิจของ NUSA

ขณะที่ประเด็นเกณฑ์ Backdoor Listing ยืนยันว่าการซื้อไม่เข้าเกณฑ์ เพราะดูแล้วจากเกณฑ์ต้องเข้าซื้อ 100% เนื่องจากการซื้ออยู่ที่ 90% ไม่ถึง 100% ซึ่งหากจะซื้อลดลงอาจจะทำให้ผู้ถือหุ้นเสียหาย และต้องมีการประชุมหลายรอบ รวมทั้งผู้ลงทุนอาจเสียโอกาส เพราะราคาที่เจรจาในครั้งนี้ ถือว่าได้ราคาที่ดี

"จากกระแสข่าวที่ไม่ดีจนทำให้ราคาหุ้น NUSA เหลือ 0.50-0.60 บาท แปลว่าคนที่เขาต้องการจะเอาหุ้นมาแลกได้เข้ามาดูธุรกิจของ NUSA แล้ว ไม่มีใครโง่จะเอาของดีมาแลกของไม่ดี เรื่องนี้ขอยืนยัน และหากจะหาบริษัทที่มีกำไร 5-6 พันล้าน หาได้ยาก" นางศิริญา กล่าว

ภาพประกอบงบการเงิน WEH