NOBLE โผล่ถือหุ้นใหญ่ PROUD 16% ก่อนตัดขายออก ล่าสุดถือ 5.87%

27 ก.ค. 2566 | 03:33 น.
อัพเดตล่าสุด :27 ก.ค. 2566 | 05:02 น.

NOBLE ทุ่ม 280 ล้าน เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนเกินสิทธิของ บมจ.พราว เรียล เอสเตท (PROUD) 160 ล้านหุ้น ถือหุ้นใหญ่ 16.43% ก่อนลดเหลือ 5.87% หลังขายบิ๊กล็อตให้ SAPPHIRE INVESTMENT MANAGEMENT 10.56% เผยโครงสร้างผู้ถือหุ้น PROUD ล่าสุด "กลุ่มลิปตพัลลภ" ถือหุ้นใหญ่รวมเกือบ 60%

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับแจ้ง ตามแบบรายงานการได้มาหุ้นของ บมจ.พราว เรียล เอสเตท (PROUD) โดย บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) ซึ่งเป็นการได้มา เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 จำนวน 160,000,000 หุ้น หรือสัดส่วน 16.4268% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ 

ส่งผลให้จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มา คิดเป็น 16.4268% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จากเดิมที่ถือ100 หุ้น  สัดส่วน 0%

 

NOBLE โผล่ถือหุ้นใหญ่ PROUD 16% ก่อนตัดขายออก ล่าสุดถือ 5.87%

 

ขณะเดียวกันนายภูมิพัฒน์ สินาเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พราว เรียล เอสเตท (PROUD) ได้รายงานข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระบุว่า บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ หลังจากบมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) ซึ่งเดิมถือหุ้น 100 หุ้น ได้ใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนมากกว่าสิทธิจำนวน 160 ล้านหุ้น ในราคา 1.75 บาท รวมเป็นเงิน 280 ล้านบาท ขึ้นมาถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 3 ของบริษัท จำนวน 16.43%

ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2566  บริษัทฯ ได้รับแจ้งว่า "NOBLE" ได้ขายบิ๊กล็อตออกไปจำนวน 102,857,200 หุ้น หรือ 10.56% คงเหลือจำนวน 57,142,800 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 5.87% โดยเป็นขายให้กับ SAPPHIRE INVESTMENT MANAGEMENT LIMITED จดทะเบียนที่ฮ่องกง เข้ามาถือหุ้นจำนวน 10.56% ( เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 ) ขณะที่ NOBLE ภายหลังการขายบิ๊กล็อตจะเหลือสัดส่วน  5.87% เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 6 

 

NOBLE โผล่ถือหุ้นใหญ่ PROUD 16% ก่อนตัดขายออก ล่าสุดถือ 5.87% NOBLE โผล่ถือหุ้นใหญ่ PROUD 16% ก่อนตัดขายออก ล่าสุดถือ 5.87%

นอกจากนี้ นางจรัสพิมพ์ ลิปตพัลลภ ซึ่งเดิมถือ 100 หุ้น ได้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนเกินสิทธิเช่นเดียวกัน จำนวน 142,857,200 หุ้น คิดเป็น 14.67%  ขณะที่ทางด้านผู้ถือหุ้นใหญ่ น.ส.พราวพุธ ลิปตพัลลภ หลังจากบริษัทเพิ่มทุนจำนวน 356 ล้านหุ้น ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นลดลงจาก 35.24% เหลือ 23.21% และได้รับหุ้นเพิ่มทุน 2,857,200 หุ้น คิดเป็น 0.29% ทำให้ถือหุ้นล่าสุดเป็น 23.50% โดยยังคงถือหุ้นมากที่สุด มากกว่า นายพสุ ลิปตพัลลภ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 2  ที่ลดการถือหุ้นจาก 32.43% ลงมาถือ 21.36% 

อย่างไรก็ดีผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้ง 3 รายของ"กลุ่มลิปตพัลลภ" ถือหุ้น PROUD รวมกันมีสัดส่วนมากสุดถึง  59.53% ของทุนเรียกชำระแล้ว

 

การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้น ของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ดังกล่าวข้างต้น ไม่มีผลกระทบต่ออำนาจในการควบคุมบริษัทฯ นโยบายการดำเนินธุรกิจ โครงสร้างคณะกรรมการบริษัท หรือผู้บริหารของบริษัทฯ แต่อย่างใด โดยผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ซึ่งจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ฯ ดังกล่าวไม่มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์(Tender Offer) ภายใต้ประกาศที่เกี่ยวข้อง


โครงสร้างผู้ถือหุ้น บมจ.พราว เรียล เอสเตท (PROUD) ล่าสุด ณ วันที่  26 ก.ค. 2566 

 

  • นางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ 228,903,894 หุ้น สัดส่วน 23.50%
  • นายพสุ ลิปตพัลลภ 208,046,695 หุ้น สัดส่วน 21.36%
  • นางจรัสพิมพ์ ลิปตพัลลภ 142,857,300 หุ้น สัดส่วน 14.67%
  • SAPPHIRE INVESTMENT MANAGEMENT LIMITED 102,857,200 หุ้น สัดส่วน 10.56 %
  • บริษัท รามคำแหง 191 จำกัด 62,000,000 หุ้น สัดส่วน 6.37%
  • บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์  จำกัด (มหาชน) 57,142,800 หุ้น สัดส่วน 5.87%
  • UBS AG SINGAPORE BRANCH 18,000,000 หุ้น สัดส่วน 1.85%
  • นางสาวนันท์นลิน ไพบูลย์ปรีดี 8,065,100 หุ้น สัดส่วน 0.83%
  • นายธนินโชตน์ ตันติภัณฑ์รักษ 7,652,700 หุ้น สัดส่วน 0.79%
  • นางนภารัตน์ สิหนาทกถากุล  4,525,800 0.46