(3 ส.ค. 66) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สั่งเพิกถอนการให้ความเห็นชอบผู้แนะนำการลงทุนราย "นายธีระศักดิ์ ทิพย์บุญศรี" เป็นเวลา 10 ปี กรณีปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ซื่อสัตย์สุจริต
ทำให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินของลูกค้าโดยมิชอบ จากการหลอกให้ลูกค้าโอนเงินค่าซื้อหน่วยลงทุน และเงินฝากเข้าบัญชีตนเอง ขณะกระทำผิดสังกัดธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)
สืบเนื่องจากทาง สำนักงาน ก.ล.ต. ได้รับรายงานการตรวจสอบจากธนาคารเกียรตินาคินภัทรและตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมพบว่า ระหว่างปี 2564 - 2565 นายธีระศักดิ์ ได้ให้ลูกค้าโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของตนเองและ/หรือนำเงินสด
โดยแจ้งลูกค้าว่าจะนำเงินไปซื้อหน่วยลงทุนให้ลูกค้า แต่นายธีระศักดิ์ไม่ได้ทำตามความประสงค์ของลูกค้าและนำเงินไปใช้ส่วนตัว และได้จัดทำเอกสารตารางการลงทุนในหน่วยลงทุนที่ไม่มีอยู่จริง เพื่อให้ลูกค้าเชื่อว่าได้นำเงินไปซื้อหน่วยลงทุนจริง
นอกจากนี้ นายธีระศักดิ์ ยังชักชวนให้ลูกค้าเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์กับตน โดยให้ลูกค้าโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัว แต่ไม่ทำรายการตามความประสงค์ของลูกค้า
ทำให้ลูกค้าได้รับความเสียหายรวม 6 ราย เป็นเงินจำนวนรวม 980,000 บาท ทั้งนี้ นายธีระศักดิ์ได้ชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวให้แก่ลูกค้าดังกล่าวครบถ้วนแล้ว
โดยทาง ก.ล.ต. พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของนายธีระศักดิ์เป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ หรือให้บริการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ได้ไปซึ่งทรัพย์สินของผู้ลงทุนโดยมิชอบ และมีพฤติกรรมอันส่อไปในทางไม่สุจริตที่ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือในการเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนอย่างมีนัยสำคัญ
ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามของบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ก.ล.ต. จึงเพิกถอนการให้ความเห็นชอบเป็นผู้แนะนำการลงทุนตราสารซับซ้อนประเภท 2 และกำหนดระยะเวลาในการรับพิจารณาคำขอความเห็นชอบของ นายธีระศักดิ์ เป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนในคราวต่อไป เป็นเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2566
ทั้งนี้ ในการพิจารณากำหนดระยะเวลาข้างต้น ก.ล.ต. ได้นำปัจจัยดังต่อไปนี้มาใช้ประกอบการพิจารณาด้วย ได้แก่ บทบาทความเกี่ยวข้อง และพฤติกรรมของบุคคลที่ถูกพิจารณา การลงโทษที่บุคคลนั้นได้รับไปแล้ว
ผลกระทบความเสียหายหรือผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น การแก้ไขหรือการดำเนินการอื่นที่เป็นประโยชน์หรือขัดขวางการปฏิบัติงานของ ก.ล.ต. และประวัติหรือพฤติกรรมในอดีตอื่นใดที่แสดงถึงความไม่เหมาะสมที่จะเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน
อย่างไรก็ตา ก.ล.ต. ขอย้ำให้ผู้ลงทุนตรวจสอบรายการซื้อขายหน่วยลงทุนที่ดำเนินการแล้วเสร็จทันที และตรวจสอบรายงานการถือหน่วยลงทุนและบัญชีเงินฝากอย่างสม่ำเสมอ
รวมทั้งในการโอนเงินลงทุนจะต้องโอนเข้าบัญชีของผู้ประกอบธุรกิจเท่านั้น โดยไม่โอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวของผู้แนะนำการลงทุน