บล.กสิกรไทย คงเป้าดัชนีหุ้นไทย (SET Index )ที่ 1,666 จุด คำนวณด้วยประมาณการ EPS ปี 2567 ที่ 107 บาท และ PE ล่วงหน้า 12 เดือนที่ 15.60 (+0.5SD) พร้อมแนะนำให้นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักการลงทุน เลือกลงทุนในหุ้นที่มี “beta สูง” หรือ “laggard ” ซึ่งมูลค่ายังต่ำอยู่ คาดจะทำผลงานได้ดีกว่าตลาดในช่วงขาขึ้นของตลาด จากสภาวะเศรษฐกิจมหภาคและตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป โดยคาดว่าตลาดหุ้นไทยซึ่งปรับลดลง 8% YTD และเคลื่อนไหวน้อยกว่าตลาดหุ้นทั่วโลก (MSCIACWI เพิ่มขึ้น 16% YTD) จะฟื้นตัวขึ้นในเดือนสิงหาคมนี้
ปัจจัยหนุนจาก
1) การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ด้วยนโยบายที่เป็นมิตรต่อตลาดซึ่งคาดจะกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนในประเทศ
2) ตัวเลขการส่งออกของไทยที่คาดฟื้นตัวขึ้นในครึ่งหลังของปี 2566 หนุนจาก GDP ทั่วโลกที่ดีขึ้นและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศจีน
3) ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นซึ่งคาดจะชะลอการปรับลดคาดการณ์ EPS ของตลาดและส่งผลให้ตลาดฟื้นตัวขึ้นเนื่องจากกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีคิดเป็นสัดส่วนที่ 26% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 และ 16% ของ market cap
4) สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงและ upside ที่น่าดึงดูดใจของตลาดหุ้นในประเทศเกิดใหม่จะช่วยขับเคลื่อนกระแสเงินไหลเข้าจากต่างประเทศโดยเฉพาะหุ้นที่ยัง laggard จากการเปลี่ยนแปลงของนโยบาย (เช่น จีนและไทย)
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญในเดือนสิงหาคม 2566 ที่นักลงทุนควรจับตามองคือ
1) ภาวะเงินเฟ้อระลอกสองในสหรัฐฯ จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและค่าแรงที่มากขึ้นซึ่งคาดจะส่งผลให้ Fed ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีก
2) ปัญหาด้านโครงสร้างซึ่งอาจจำกัดการเติบโตในระยะยาวของประเทศไทย (เช่น ผลิตภาพแรงงานที่ลดลง ส่วนแบ่งการส่งออกของไทยทั่วโลกทรงตัวมากว่า 10 ปี หนี้ครัวเรือนระดับสูงและสังคมผู้สูงอายุ)
3) รายได้ภาคเกษตรที่ลดลงผลจากปรากฎการณ์เอลนีโญในครึ่งหลังปีนี้
4) การประท้วงทางการเมืองซึ่งคาดจะฉุดการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวเนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศและทำให้นักท่องเที่ยวเปลี่ยนจุดหมายการเดินทางไปยังประเทศอื่น ๆ.
ทั้งนี้ บล.กสิกรไทย ได้ตัด KTB, OSP, ADVANC, AOT, HANA, GFPT และ MEGA ออกจากรายชื่อหุ้นเด่นของเราและเลือก BBL, COM7, TRUE, GLOBAL, BANPU, TOP และ AMATA เข้ามาแทน
แนะลงทุน 4 ธีมลงทุนหลักดังต่อไปนี้
กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล (AEONTS, BBL, COM7, TRUE, MAJOR และ GLOBAL) นโยบายของพรรคเพื่อไทยที่มุ่งเน้นไปยังการเพิ่มการเติบโตของเศรษฐกิจคาดจะส่งผลบวกต่อผู้เล่นในประเทศมากที่สุด
กลุ่มผู้เล่นทั่วโลกจาก GDP โลกที่ดีขึ้นและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน (PTTEP, BANPU และ TOP) เราคาดว่ากลุ่มพลังงานจะได้ประโยชน์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้นหนุนจาก GDP ทั่วโลกและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน
กลุ่มท่องเที่ยว (MIT, SNNP และ CPN) จากจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าที่คาดจะเพิ่มขึ้นในครึ่งหลังปีนี้
กลุ่มย้ายฐานการผลิตในภูมิภาค (AMATA) เราคาดว่ากลุ่มนิคมอุตสาหกรรมจะได้ประโยชน์จากห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคที่ดีขึ้น