บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ ระบุว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเริ่มเผยแพร่ดัชนีใหม่ SET50 / SET100 Free Float Adjusted Market Capitalization Weighted Index (SET50FF / SET100FF) ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2567 เป็นต้นไป เพื่อเป็นทางเลือกในการใช้งานสําหรับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมจากดัชนี SET50 และดัชนี SET100 ที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันที่ใช้ดัชนี SET50 / SET100 เป็นมาตรฐานอ้างอิงสำหรับการสร้างผลตอบแทนและการวัดผลการดำเนินงาน
คาดจะช่วยให้การบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยลดผลกระทบจากความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นบางตัวที่มี Free Float ต่ำ แต่มีอิทธิพลมากต่อการเปลี่ยนแปลงของดัชนี
ทั้งนี้บล.ทิสโก้ ได้จำลองผลกระทบจากการใช้วิธี Free Float Adjusted Market Cap. เปรียบเทียบกับการคำนวณดัชนี SET100 ในปัจจุบันที่ใช้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือ Full Market Cap.
โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้รับการเพิ่มน้ำหนักในดัชนี SET100FF คือ กลุ่ม BANK (+646 bps), HELTH (+218 bps), PROP (+159 bps), CONMAT (+120 bps) และ COMM (+109 bps) ส่วนกลุ่มที่จะมีน้ำหนักในดัชนี SET100FF ลดลง คือ กลุ่ม ETRON (-470 bps), ENERG (-324 bps), TRANS (-213 bps) และ ICT (-209 bps) ขณะที่กลุ่มอื่นๆ จะมีการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักในการคำนวณดัชนี SET100FF ระดับ +/- น้อยกว่า 100 bps
สำหรับหุ้นที่จะมีน้ำหนักในการคำนวณดัชนี SET100FF เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับดัชนี SET100 เดิมในระดับมากกว่า 100 bps ขึ้นไป คือ BBL (+266 bps), SCB (+177 bps), BDMS (+167 bps), KBANK (+152 bps), SCC (+122 bps), CPALL (+112 bps) และ CPN (+106 bps) แต่ในทางกลับกัน หุ้นที่จะมีน้ำหนักในดัชนีลดลงมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ DELTA (-494 bps), AOT (-236 bps), GULF (-169 bps), PTTEP (-105 bps) และ ADVANC (-92 bps)
หากอิงจากมูลค่าเงินลงทุนในกองทุนที่ใช้ดัชนี SET50 / SET100 เป็นมาตรฐานอ้างอิงในการสร้างผลตอบแทนในปัจจุบันที่ประมาณ 5.4 หมื่นล้านบาท เราประเมินว่าทุก ๆ น้ำหนักที่เปลี่ยนแปลงไป 1% หรือ 100 bps จะคิดเป็นเม็ดเงินราว 550 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี บล.ทิสโก้ มองดัชนี SET50FF / SET100FF เป็นการเพิ่มทางเลือกในการใช้งานสำหรับผู้เกี่ยวข้องเท่านั้น (ไม่ใช่ภาคบังคับ) เป็นดุลพินิจของผู้ที่จะนำดัชนีใหม่ดังกล่าวไปใช้ ดังนั้นผลกระทบโดยรวมจึงน่าจะน้อย นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นการเปลี่ยนแปลงทางเทคนิคในช่วงเวลาสั้น ไม่มีผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐาน ดังนั้นนักลงทุนควรคำนึงถึงแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทและเป้าหมายการลงทุนในระยะยาวเป็นสำคัญ!
หุ้นเด่นในเชิงปัจจัยพื้นฐานและคาดว่าจะได้ประโยชน์จากการคำนวณดัชนี SET50FF /SET100FF แนะนำ “ซื้อ” BBL (เป้าพื้นฐาน 173 บาท), SCB (130 บาท), BDMS (36 บาท), KBANK (160 บาท) และ CPALL (76 บาท )
สอดคล้องกับฝ่ายวิจัยจากบริษัท หลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ก็มีความเห็นในทิศทางเดียวกัน โดยระบุว่า เกณฑ์ของดัชนี SET50FF และ SET100FF เหมือนการคำนวณดัชนี SET50 และ SET100 แต่แตกต่างกันที่ดัชนีใหม่จะคำนวณ Market Cap โดยถ่วงน้ำหนัก Free Float ร่วมด้วย โดยมองเป็นผลดีต่อหุ้นที่มีสัดส่วน Free Float สูง อย่าง BBL, KKP, BANPU, KBANK, SCB, CENTEL, TCAP, TISCO, AMATA และ SIRI เช่นเดียวกัน