(9 ส.ค. 66) ตัวแทนผู้ถือหุ้นกู้ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) หรือ STARK ได้เดินทางมายื่นหนังสือผ่านรัฐสภา โดยมีตัวแทน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคก้าวไกล ซึ่งมี นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรพรรก้าวไกล ในฐานะผู้แทนประชาชนที่ได้เสนอญัตติให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการในสภา ผู้แทนราษฎรที่เกี่ยวข้องกับกรณี STARK เป็นตัวแทนรับหนังสือดังกล่าวจากผู้เสียหาย
โดยใจความในหนังสือนั้น มีความประสงค์ขอความอนุเคราะห์ ธนาคารกสิกรไทย และ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส ในฐานะผู้แทนผู้ถือ หุ้นกู้ รวมทั้งธนาคารทหารไทยธนชาต ในฐานะนายทะเบียนหุ้นกู้ รวมถึงผู้จัดการจัดจําหน่ายหุ้นกู้ STARK ทุกรุ่น
เพื่อร่วมกันประชาสัมพันธ์ และอำนวยความสะดวกในการเชิญประชุมที่จัดโดยกลุ่มผู้ถือหุ้นกู้ STARK ไปยัง บรรดาผู้ถือหุ้นกู้ STARK ทุกรุ่นทุกราย เพื่อให้ผู้ถือหุ้นกู้ได้ร่วมหารือแนวทางแก้ไขปัญหาที่นอกเหนือไป จากสิ่งที่ผู้แทนหรือนายทะเบียนได้ดำเนินการไปแล้ว
อีกทั้งเพื่อให้มีการเลือกตั้งกรรมการกลุ่มเพื่อช่วยดำเนิน ภารกิจของกลุ่มควบคู่ไปพร้อมกับทุกภาคส่วนอย่างทันการ และเป็นเอกภาพต่อทั้งผู้ถือหุ้นกู้ ผู้แทนและนายทะเบียน
ดังนั้นการเชิญประชุมนี้จึงกระทบต่อส่วนได้เสียของผู้ถือหุ้นกู้ทุกรายอย่างมีสาระ สําคัญ หากผู้ถือหุ้นกู้ไม่ได้รับแจ้งอย่างทั่วถึงเป็นทางการย่อมเกิดปัญหาและผลเสียหายตามมา
โดยการประชุมจะมีขึ้นในวันที่ 17 สิงหาคม 2566 เวลา 13.00 - 17.00 น. ณ ห้อง Grand Ballroom โรงแรม The Emerald
ด้านนายภัณฑิล น่วนเจิม ส.ส. พรรคก้าวไกล เขตคลองเตย เขตวัฒนา ระบุว่า เรื่องนี้ถือเป็นปัญหาใหญ่ เพราะมีการวางแผนมาอย่างดีในการหลอกลวง และมีความเสียหายเป็นหมื่นล้านบาท โดยทาง ส.ส. พรรคก้าวไกล ได้ยื่นเสนอเป็นญัตติด่วน เพื่อให้มีการพิจารณา
เนื่องจากมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมากเกือบ 5,000 คน รวมทั้งในเรื่องนี้ยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเราคงต้องมาหาว่าจะป้องกันอย่างไร รวมทั้งต้องเอาคนผิดมาลงโทษ ไม่ปล่อยให้ลอยนวล
นอกจากนี้ในส่วนของคณะกรรมการวิสามัญ คงต้องมีการสอบเรื่องนี้ในประเด็นหุ้น STARK ว่ากฎระเบียบของทางตลาดทุน ทั้ง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ขณะที่ ผู้เสียหายจากหุ้นกู้ STARK กล่าวว่า การฉ้อโกงของ STARK นั้นถือเป็นกระบวนการที่มีการวางแผนมาอย่างดี ทั้งการปลอมเอกสารต่างๆ ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายกับคนจนที่มีรายได้น้อย แต่คนรวยบางกลุ่มกลับได้ผลประโยชน์
ในฐานะประชาชนเราจะฝากความหวังกับหน่วยงานรัฐได้หรืออย่างไร และเชื่อว่าจะยังมีการกระทำผิดในลักษณะต่อเนื่องได้ในอนาคต หากหน่วยงานที่กำกับดูแลไม่มีความเข้มข้นมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
เพราะบางคนนำเงินเก็บทั้งชีวิตเข้ามาลงทุน และเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็คงไม่กล้าที่จะลงทุน ในตลาดหุ้น หรือ หุ้นกู้ เนื่องจากหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐไม่ได้มีการออกมาดูแลเยียวยาเท่าที่ควร
"รัฐมนตรีคลัง ปลัดคลัง ไม่ลงมากำกับดูแล และตั้งกรรมการสอบ เรื่องนี้ ตลาดทุนเสียหายมาก หุ้นกู้ก็ไม่ลงทุน คนกำกับดูแลก็กลับไล่ให้ ประชาชนไปฟ้องร้องเอง แทนที่ผู้กำกับดูแลควรเป็นตัวแทนประชาชนในการฟ้องร้อง" เสียงสะท้อนของผู้เสียหาย
ด้าน นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ ผู้สอนวิชากฎหมาย ณ มหาวิทยาลัยลอนดอน SOAS และเป็นที่ปรึกษากฎหมายธุรกิจ ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายที่ถือหุ้นกู้ STARK กล่าวว่า อยากให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ นายทะเบียนหุ้นกู้ และผู้จัดการจัดจําหน่ายหุ้นกู้ Stark ทุกรุ่น ร่วมกันประชาสัมพันธ์ ให้ผู้เสียหายมาร่วมประชุม เนื่องจากเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ยังไม่รู้ว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะมองว่าภาพรวมของผู้ได้รับผลกระทบในครั้งนี้น่าจะมีไม่ต่ำกว่า 4,000 ราย
สำหรับห้วข้อการประชุมในวันที่ 17 สิงหาคม 2566
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการนัดประชุมวันที่ 17 สิงหาคม 2566 คลิกที่นี่