บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ล่าสุด ( 18 ส.ค.66 ) มองภาพรวมกำไร Q2/66 ของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ใน SET ออกมาแย่ ลดลง -35% YoY และ -21% QoQ มีกำไรสุทธิโดยรวมอยู่ที่ 2.24 แสนล้านบาท สำหรับบริษัทจดทะเบียนในตลาด mai แย่ยิ่งกว่า โดยพลิกเป็นขาดทุนสุทธิรวม 431 ล้านบาท จากที่มีกำไรสุทธิรวม 2,025 ล้านบาท และ 3,006 ล้านบาทใน Q2/65 และ Q1/66 ตามลำดับ
กลุ่มที่เป็นตัวฉุดรั้งผลประกอบการโดยรวมของตลาดในไตรมาสนี้ คือ กลุ่ม ENERG (-61% YoY, -35% QoQ), CONMAT (-22% YoY, -38% QoQ), ICT (-25% YoY, -9% QoQ), COMM (-13% YoY, -23% QoQ) รวมทั้ง PETRO และ STEEL ที่พลิกเป็นขาดทุนจากที่มีกำไรทั้ง YoY, QoQ โดยหุ้นหลายตัวมีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันและส่วนต่างราคาปิโตรเคมี-ราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวลง
ด้วยภาพรวมงบ Q2 ออกมาแย่กว่าตลาดคาด และกำไร 6M23 คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 45% ของประมาณการกำไรตลาดโดยรวม ทำให้ยังไม่เห็นสัญญาณการหั่นประมาณการกำไรสิ้นสุดลง โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ประมาณการกำไรของตลาด (SET EPS) ปี 2566-67F ยังถูกปรับลงต่อเนื่อง -2.2% และ -1.6% มาที่ 90.3 บาท และ 103.2 ตามลำดับ
ลุ้นปัจจัยการเมืองกระตุ้นตลาดครึ่งเดือนหลัง
อย่างไรก็ดี มีลุ้นปัจจัยการเมืองในประเทศจะพลิกกลับมากระตุ้นตลาดปรับตัวขึ้นในช่วงครึ่งเดือนหลัง หลังศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง โดยประธานสภาฯ นัดโหวตเลือกนายกฯ ในวันที่ 22 ส.ค. หากผ่านไปได้ด้วยดี คาดว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้ภายใน 3-4 สัปดาห์ข้างหน้า และตลาดหุ้นไทยน่าจะตอบสนองทางบวก ผสานกับการจัดงาน Thailand Focus ในวันที่ 23-25 ส.ค. น่าจะเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนมากขึ้น อิงจากการศึกษาข้อมูลในอดีต SET Index มักตอบสนองเชิงบวกดีที่สุดในช่วง 2 สัปดาห์หลังการจัดงาน โดยมีโอกาสให้ผลตอบแทนเป็นบวกราว 69% และค่าเฉลี่ยผลตอบแทนอยู่ที่ +1.3%
สำหรับการประชุมประจำปี Jackson Hole Economic Symposium ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในวันที่ 24-26 ส.ค. นี้ เราไม่คาดว่าจะเห็นการส่งสัญญาณการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินที่สำคัญ เนื่องจากรายงานประชุม FED ล่าสุดชี้ว่า คณะกรรมการส่วนใหญ่มองเงินเฟ้อมีความเสี่ยงโน้มไปทางด้านสูง และตลาดแรงงานยังคงตึงตัว ทำให้ FED ยังมีความจำเป็นใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดอยู่ รอความชัดเจนของตัวเลขเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นก่อน โดยกว่าจะถึงการประชุมรอบถัดไปในวันที่ 19-20 ก.ย. FED จะได้รับรู้รายงานการจ้างงาน (1 ก.ย.) และตัวเลขเงินเฟ้อ (13 ก.ย.) อีกอย่างละครั้ง ซึ่งจะมีความสำคัญต่อทิศทางดอกเบี้ยในอนาคต
บล.ทิสโก้ มอง SET Index มีแนวโน้มแกว่งไซด์เวย์-พักฐานอยู่ในกรอบจำกัด มีแนวรับ และแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1515-20 (Sentiment ตลาดจะเป็นลบมากขึ้นหากปิดต่ำกว่าระดับนี้), 1500+/- และ 1540, 1560 ตามลำดับ สำหรับประเด็นหุ้นที่น่าสนใจในการเทรดดิ้งระยะสั้น