ตลาดหุ้นกู้ยังมีประเด็นให้ลุ้นระทึก หลังเผชิญประเด็นร้อนสั่นสะเทือนวงการตลาดทุนไทย จากกรณีบริษัท สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) "STARK" ซึ่งแต่งบัญชีตบตา ถ่ายเงินออกจากบริษัทจนไม่เหลืออะไรทิ้งไว้ต่างหน้า ลุกลามมาจนส่งผลกระทบต่อการไถ่ถอน "หุ้นกู้" จำนวนกว่า 9,100 ล้านบาท
ตามด้วยการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ ของ บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL รวม 7 รุ่น เป็นเงิน 2,416 ล้านบาท และหนี้ที่ ALL ค้างชำระกับธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KKP) อีก 264 ล้านบาท รวม 2,680 ล้านบาท และกรณีที่เกิดขึ้นกับ"แอชตัน อโศก" ของบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ (ANAN) ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงกับการออกหุ้นกู้ครั้งใหม่ (Roll-Over ) มีโอกาสทำได้ยากขึ้น ตอกย้ำความเสี่ยงการลงทุนในหุ้นกู้ โดยเฉพาะหุ้นกู้ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตเรทติ้งต่ำกว่าระดับที่ลงทุนได้(Investment Grade) และหุ้นกู้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับเรทติ้ง(Non Rated) ซึ่งเป็นกลุ่มหุ้นกู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในการลงทุน
ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยกับ "ฐานเศษฐกิจ"ว่า หากมองในภาพรวมถือได้ว่าตลาดหุ้นกู้ มีต้นทุนปรับขึ้นสอดคล้องกับพันธบัตรรัฐบาล แต่ในส่วนของการขาย หุ้นกู้ที่มีเรทติ้งสูงยังพอขายได้ แต่ถ้าต่ำลงมาเริ่มเห็นภาพของการขายที่ไม่ครบจำนวนตามวงเงินที่ตั้งใจระดมทุน ดังนั้นนักลงทุนที่จะซื้อหุ้นกู้นั้น ควรจะต้องดูความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัท รวมทั้งความสามารถในการทำกำไรว่าอยู่ในระดับกี่เท่าของอัตราดอกเบี้ยที่จะต้องจ่าย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญ
ล่าสุดวันนี้ ( 21 ส.ค. 2566) นายเบน เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)หรือ CGD แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์ ฯ ว่า ด้วยบริษัท ฯในฐานะผู้ออกหุ้นกู้ มีความประสงค์ที่จะเรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้ โดยได้ออกหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นกู้ในรุ่น CGD219 A ที่จะครบกำหนดชำระในวันที่ 6 ก.ย.2566 มูลค่าคงค้างปัจจุบันกว่า 232 ล้านบาท และหุ้นกู้รุ่น CGD 20OA ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 19 ต.ค.2566 มูลค่าคงค้างปัจจุบัน 437 ล้านบาท เพื่อพิจารณาขยายระยะเวลาการไถ่ถอนหุ้นกู้ทั้ง 2 รุ่นออกไปอีก 1 ปี โดยทั้ง 2 รุ่นมีมูลค่ารวมประมาณ 669 ล้านบาท
นอกจากนี้ CGD ยังได้ขอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้พิจารณาแบ่งชำระคืนเงินต้นหุ้นกู้บางส่วนในสัดส่วน 30% ของมูลค่าคงค้าง หรือคิดเป็น 69.87 ล้านบาท สำหรับหุ้นกู้รุ่น CGD219A ที่จะครบกำหนดชำระในวันที่ 6 ก.ย.2566 ส่วนที่เหลืออีก 162 ล้านบาท จะขอชำระคืนในวันที่ 6 ก.ย.2567
ขณะที่หุ้นกู้รุ่น CGD20OA ขอชำระคืนก่อน 30% หรือคิดเป็น 131 ล้านบาท ในวันที่ 19 ต.ค.2566 ส่วนที่เหลืออีก 306 ล้านบาท ขอชำระคืนในวันที่ 19 ต.ค.2567
โดยการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ในทั้ง 2 รุ่นนี้ จะมีขึ้นในวันที่ 23 ส.ค.2566 เวลา 10.00 และ 11.00 น. ตามลำดับ โดยประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
ก่อนหน้านี้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ได้ออกมาเตือนให้ผู้ถือหุ้นกู้ของ CGD ในทั้ง 2 รุ่นนี้ ไปใช้สิทธิประชุมผู้ถือหุ้นกู้ พร้อมศึกษาข้อมูลและซักถามผู้ออกหรือผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้เพื่อให้ได้ข้อมูลครบถ้วนและเพียงพอต่อการตัดสินใจลงมติ
นอกจากนี้ ก.ล.ต.ยังได้กำหนดให้ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้วิเคราะห์ข้อดี ข้อเสีย ประโยชน์ และผลกระทบที่ผู้ถือหุ้นกู้จะได้รับจากการมีมติอนุมัติหรือไม่อนุมัติให้ชัดเจนในแต่ละทางเลือก พร้อมเหตุผลประกอบโดยมีความเห็นของผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ประกอบด้วย
สำหรับหุ้นกู้ CGD219A มีบริษัทหลักทรัพย์(บล.) ดาโอ (ประเทศไทย) เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และหุ้นกู้ CGD20OA มี บล.พาย เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้
ในขณะที่งบการเงินของ CGD พบว่างวดไตรมาส 2/2566 บริษัทมีกำไรสุทธิรวม 39 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิที่ 182.74 ล้านบาท หรือลดลงราว 78.66% ขณะทีงบ 6 เดือนปี 2566 มีกำไรสุทธิ 84.86 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิที่ 250.41 ล้านบาท หรือลดลงราว 66.11%
โดยบริษัทได้ให้เหตุผลของกำไรสุทธิที่ลดลงว่า เกิดจากการลดลงของรายได้จากการขายอาคารชุดและการเพิ่มขึ้นของต้นทุนทางการเงิน ในขณะที่สภาพคล่อง บริษัทมีปัญหาหนี้สินหมุนเวียนที่มากกว่าสินทรัพย์หมุนเวียน โดยงบ 6 เดือน2566 ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566 บริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียนรวม 8,943.46 ล้านบาท ขณะที่หนี้สินหมุนเวียนมีสูงถึง 11,595.31 ล้านบาท