นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน หรือ "IAA" เปิดเผยผลสำรวจความเห็นสมาชิกนักวิเคราะห์ และผู้จัดการกองทุนรวม 26 สำนัก เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนในไตรมาส 4 ปี 2566
คาดการณ์จุดสูงสุดของ SET Index ช่วง ต.ค. ถึง ธ.ค. 66 เฉลี่ยที่ระดับ 1,619 จุด ส่วนจุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,468 จุด และเป้าหมายดัชนี ณ สิ้นปี 66 ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1,606 จุด ลดลงจากระดับคาดการณ์ครั้งก่อนที่ 1,630 จุด
สำหรับในการลงทุนในตลาดหุ้นไทย แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหมวดธุรกิจ ค้าปลีกพาณิชย์ การแพทย์ และการท่องเที่ยว แต่ให้ลดน้ำหนักการลงทุนใน หมวดธุรกิจ Finance (non-bank) ปิโตรเคมี
จากสมมติฐาน ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยของปีนี้ ที่ปรับขึ้นจากจาก 80.53 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เป็น 83.02 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และคาดการณ์การขยายตัวของ GDP ไทยปี 66 จากเดิมที่ 3.38% (ก.ค.66) ลดลงมาเหลือ 2.85% GDP ส่วนปี 67 มองเป็นบวกที่ 3.56%
ด้านความเห็นต่อการลงทุนหุ้นต่างประเทศและกองทุนหุ้นต่างประเทศ แนะนำให้ลงทุนใน กองทุนเทคโนโลยี กองทุนรวมกลุ่มประเทศอาเซียน จากศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง
หุ้นเด่นที่นักวิเคราะห์แนะนำตรงกันตั้งแต่ 5 สำนักขึ้นไป ประกอบด้วย (เรียงชื่อตามอักษรย่อ)
ด้านคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในปี 67 มีนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่กว่า 77.28% ที่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ที่ระดับ 2.50% ต่อไป
ส่วนคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 66 ของตลาดเฉลี่ยที่ 89.04 บาท ปรับลดจากผลสำรวจครั้งก่อน ซึ่งอยู่ที่ 93.21 บาทต่อหุ้น และครั้งนี้คาดการณ์ EPS Growth ของปี 66 อยู่ที่ 6.51% ส่วนปี 67 ขึ้นไปอยู่ที่ 99.47 บาท และคาดว่า EPS Growth ของปี 67 เฉลี่ยอยู่ที่ 12.03%
นอกจากนี้นักวิเคราะห์ยังได้เพิ่มเติมการแนะนำไปยังรัฐบาลใหม่ เกี่ยวกับนโยบายที่จะมีผลบวกต่อภาวะเศรษฐกิจ มีความคุ้มค่ากับผลกระทบทางงบประมาณ โดยส่วนใหญ่กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
แยกเป็นการลงทุนภาครัฐที่หนุนศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ เร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น Land Bridge ถัดมาคือด้านการช่วยเหลือภาคธุรกิจได้แก่ นโยบายกระตุ้นการลงทุนจากต่างประเทศ และการกระตุ้นการท่องเที่ยวไทย เพื่อดึงเงินลงทุนต่างชาติเข้ามาในอุตสาหกรรม New S Curve
ตามมาด้วย เสนอนโยบายช่วยเหลือภาคประชนได้แก่ เร่งพัฒนาแรงงานไทย กระตุ้นการจ้างงาน ลดการแจกเงินทั่วไป เพิ่มการแจกเงินเฉพาะกลุ่มรวมถึงช่วยเหลือภาระหนี้ของเกษตรกร ข้าราชการ