3 ต.ค.66 การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นไทยวันนี้ ดัชนี SET ( Set Index ) ภาคเช้าร่วงแรง 26.22 จุด (จากราคาปิดเมื่อวานที่ 1,469.46 จุด) โดยดัชนีต่ำสุดอยู่ระดับ 1,443.24 จุด
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.18 น. ดัชนี SET ลดลง 20.16 จุด หรือ -1.37% อยู่ระดับ 1,449.30 จุด โดยปรับสูงสุดที่ 1,459.99 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 26,022.41 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ คาดดัชนี SET แกว่งขาลง จากปัจจัยกดดันตลาดหุ้น ดัชนีค่าเงินดอลล่าร์ฯและบอนด์ยีดล์สหรัฐฯ หลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด 4 รายแถลงเมื่อคืนนี้ ส่งสัญญาณว่าเฟดน่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยต่ออีก 1 ครั้งในปี 2566 สะท้อนทิศทางดอกเบี้ยโลกที่ยืนสูงนานกว่าเดิม จะส่งผลลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2567
ขณะที่เงินบาทเช้านี้ปรับรอ่อนค่าเหนือระดับ 37.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นผลลบต่อฟันด์โฟลว์ทั้งตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้นแต่เป็นบวกต่อหุ้นธีมส่งออก
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ระบุ หลายปัจจัยลบกดดันตลาดหุ้นไทย อาทิ ธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยสำหรับปีนี้เหลือ 3.4% จากเดิม 3.9% รวมทั้งลดคาดการณ์ GDP ปี 2567 เหลือ 3.5% จากเดิม 3.6% จากความกังวลเรื่องหนี้ภาคครัวเรือนที่สูงประมาณ 80% ของ GDP ซึ่งสูงที่สุดในภูมิภาค และการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นตัวแทนอัตราผลตอบแทนที่ไม่มีความเสี่ยง กดดันการประเมินมูลค่าตลาดหุ้นไทย
ขณะที่ 9 เดือนแรกปี 2566 นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 157,170.50 ล้านบาท สวนทางกับนักลงทุนประเภทอื่นที่ซื้อสุทธิ
อย่างไรก็ดี GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ Rebound ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงหนุนจากการที่สภาคองเกรสสหรัฐผ่านกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐ การผ่านกฎหมายงบประมาณชั่วคราวช่วยให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐมีงบประมาณใช้จ่ายไปจนถึงวันที่ 17 พ.ย. 2566 แต่อย่างไรก็ตามยังมีความผันผวนจากหุ้น DELTA คาดกรอบดัชนีที่ 1,440-1,500 จุด
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นสถาบันการเงิน หลังจากคณะกรรมการกนง.มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นปัจจัยสนับสนุนหุ้นกลุ่มธนาคารที่จะทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ได้แก่ BBL, KBANK, SCB, KTB และ TISCO รวมทั้งหุ้นที่ได้รับประโยชน์นโยบายฟรีวีซ่าได้แก่ AOT, CENTEL, ERW, SPA, RP และ AU