SCGC ผนึก DENKA ตั้งโรงงานผลิตสารขั้วแบตเตอรี่ป้อนอีวี 1.4 หมื่นล้าน

13 พ.ย. 2566 | 02:18 น.
อัพเดตล่าสุด :13 พ.ย. 2566 | 07:51 น.

SCC ตั้งบริษัทร่วมทุน "Denka SCGC" ถือหุ้นโดย Denka และ SCGC สัดส่วน 60:40% ตั้งโรงงานผลิตสารขั้วแบตเตอรี่สําหรับยานยนต์ไฟฟ้า กําลังการผลิต 11,000 ตันต่อปี มูลค่า 1.48 หมื่นล้าน

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จํากัด (มหาชน) หรือ SCC เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทปูนซิเมนต์ไทย ได้เปิดเผยสารสนเทศต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการร่วมทุนกับบริษัท Denka Company Limited (หรือ “Denka”) ในห่วงโซ่ธุรกิจผลิตแบตเตอรี่สําหรับยานยนต์ไฟฟ้า เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 โดยบริษัทเอสซีจี เคมิคอลส์ จํากัด (มหาชน) (หรือ “SCGC”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCC ถือหุ้นทั้งหมด ได้เข้าร่วมลงทุนตามสัญญาร่วมทุนกับบริษัท Denka ประเทศญี่ปุ่น จัดตั้งบริษัทเพื่อผลิตและจัดจําหน่ายอะเซทิลีนแบล็ก (Acetylene black) ซึ่งใช้เป็นส่วนประกอบนําไฟฟ้าในการผลิตขั้วแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสําหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) รวมถึงใช้เป็นส่วนประกอบนําไฟฟ้าในการผลิตสายส่งไฟฟ้าแรงสูงสําหรับพลังงานลมนอกชายฝั่ง เป็นต้น 

 

ล่าสุด บริษัทฯ ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเรียบร้อยแล้วชื่อ "บริษัทเดนกะ เอสซีจีซี แอดวานซ์ แมททีเรียลส์ จํากัด" หรือ “Denka SCGC Advanced Materials Co., Ltd.”" ทุนจดทะเบียนจํานวน 7,258.56 ล้านบาท (หรือประมาณ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดย Denka เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 60% และส่วนที่เหลืออีก 40% จะถือหุ้นโดย SCGC ตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง ประเทศไทย ประมาณการกําลังการผลิตประมาณ 11,000 ตันต่อปี คาดว่าโรงงานจะสร้างเสร็จภายในครึ่งแรกของปี 2569 คิดเป็นเงินลงทุนประมาณ 14,800 ล้านบาท (หรือประมาณ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
 

การร่วมทุนนี้จะส่งเสริมให้ SCGC ก้าวสู่ห่วงโซ่ธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสําหรับยานยนต์ไฟฟ้าที่มีความต้องการของตลาดสูง สอดคล้องกับกลยุทธ์ของ SCGC ในการยกระดับธุรกิจสินค้าที่มีมูลค่าสูง (High Value-Added) ตอบสนองการดําเนินธุรกิจแบบยั่งยืน ลดภาวะโลกร้อน มุ่งสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์(Net ZeroCarbon Emission)

การลงทุนดังกล่าวเป็นการได้มาซึ่งสินทรัพย์ โดยมีขนาดของรายการเท่ากับร้อยละ 0.31ของมูลค่าของสินทรัพย์รวมตามงบการเงินรวมของ SCC สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 อนึ่ง เมื่อรวมรายการดังกล่าวกับรายการได้มาซึ่ง สินทรัพย์ที่เกิดขึ้นในช่วง 6 เดือนก่อนการทํารายการตามหนังสือนี้จะเท่ากับร้อยละ 1.12 ของสินทรัพย์รวมบริษัท ดังนั้น การรายงานสารสนเทศข้างต้นจึงไม่เข้าข่ายที่จะต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเรื่องการได้มาหรือจําหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ และไม่ใช่รายการที่เกี่ยวโยงกัน