วันนี้ (13 พฤศจิกายน 2566) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี นัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง กระทรวงการคลัง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ถึงสภาวะตลาดหุ้น หลังเจอข่าวลือเจอการขายหุ้นก่อนที่จะซื้อกลับคืน (Short Sale) หรือ Naked Short Selling ซึ่งเป็นการขายออกโดยผู้ที่ขายไม่ได้มีหุ้นในมือ
นายกิตติรัตน์ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า ข่าวลือที่เกิดขึ้นว่าจะมีการทำ Short Sale หรือ Naked Short Selling ขึ้นในตลาดหุ้นไทยนั้น ได้รับการยืนยันจากทาง ตลท. และ ก.ล.ต. ว่า ไม่มีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น เพราะปัจจุบันประเทศไทยมีเครื่องมือในการดูแล รวมถึงกฎหมายที่เข้มข้น และพร้อมปฏิบัติตามมาตรฐานสากล จึงขอให้นักลงทุนเชื่อมั่นได้ว่าเรื่องดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้น
“เราเชื่อว่า จะมีการทำ Short Sale หรือ Naked Short Selling ไม่มีเกิดขึ้น และการเชื่อก็ไม่ใช่ว่าจะหยุดแค่นั้นแล้วไม่ทำอะไร ซึ่งตอนนี้ ก.ล.ต. จะกำกับไม่ให้ทำเรื่องนี้ ก็ทำด้วยมาตรฐานสุงในระดับสากลอยู่แล้ว และจะยกระดับขึ้นอีกให้สามารถดูแล และกำกับถึงผู้ดูแลเป็นราย ๆ ทั้งนักลงทุนไทยและต่างประเทศ” นายกิตติรัตน์ ระบุ
นายกิตติรัตน์ กล่าวด้วยว่า ในการหารือวันนี้ ยังได้อธิบายแนวนโยบายของรัฐบาลให้กับกระทรวงการคลัง ตลท. และก.ล.ต. รับทราบ เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่ารัฐบาลกำลังบริหารเศรษฐกิจของประเทศนำไปสู่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินเอาไว้ ซึ่งมีตัวเลขไม่สูงนัก แต่รัฐบาลทำไปหลายเรื่องเพื่อผลักดันให้ตัวเลขทางเศรษฐกิจขยายตัวมากกว่าที่ประเมินกันไว้ด้วย
ทั้งนี้จากการหารือได้อธิบายไปในหลายเรื่อง และเชื่อว่าตลาดทุน ก็ยังมีความกังวลเพราะปัจจุบันมีการประเมินตัวเลขไม่สูงมากนัก ทั้งตัวเลขหนี้ครัวเรือน หรือการดำเนินการต่าง ๆ เช่นเดียวกับผลประกอบการบริษัทตอนนี้อาจจะอยู่ในช่วงที่มีปัญหา แต่รัฐบาลยืนยันว่า ถ้ามองในระยะยาวเศรษฐกิจไทยในอนาคตจะมีความชัดเจนในทางบวกมากขึ้น
“ตอนนี้หลายเรื่องแม้จะทำไปมาก แต่ก็มีมีขั้นตอน และจะเห็นอีกเช่น การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่มีสัดส่วนสูง ซึ่งการแก้ไขจะทำอย่างจริงจัง โดยในในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 นี้ เวลา 4-5 โมงเย็น จะมีการหารือถึงการแก้ไขแก้ไขหนี้ ว่าแก้ได้อย่างไร โดยที่ทำได้ทันที และไม่จำเป็นเอางบประมาณประจำปีมาโปะ แต่ดำเนินการเร่งรัดการทำในสิ่งที่ควรเป็น” นายกิตติรัตน์ กล่าว
พร้อมกันนี้ในการหารือกับ 3 หน่วยงาน ยังได้หยิบยกเรื่องแนวทางการกระตุ้นตลาดทุน ล่าสุดกระทรวงการคลังอยุ๋ระหว่างหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อออกกองทุนรูปแบบใหม่สำหรับผู้ลงทุนทั้งสถาบันและรายย่อยที่จะได้รับผลประโยชน์ทางด้านภาษี โดยเน้นเรื่องของ ESG หรือด้านความยั่งยืนเป็นหลัก
สำหรับกองทุนนี้จะถูกบริหารโดยบริษัทจัดการลงทุนที่มีใบอนุญาต จะทำให้เกิดศักยภาพในตลาดทุนมากขึ้น และอาจจะมีรูปแบบคล้ายกับกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ซึ่งกระทรวงการคลังจะนัดหารือเพื่อหาข้อสรุปในวันพรุ่งนี้ และจะมีการเปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนอีกครั้ง