จากการที่ กลต. ( 4 ธ.ค.66) ออกเกณฑ์รองรับและได้รับคำขออนุมัติจัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (THAILAND ESG FUND) จำนวน 22 กองทุน จาก บลจ. 16 แห่ง และสมาชิกประสงค์จะเสนอขายพร้อมกันในวันที่ 8 ธ.ค.66
ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส หรือ ASPS ประเมินว่า จะมีเม็ดเงินใหม่เริ่มเข้ามา 1 –2 หมื่นล้านบาท หนุนตลาดฯ ให้ OUTPERFORM ในช่วงวันที่ 8 ธ.ค.66 และเม็ดเงินจะเข้ามาชัดๆ ในสัปดาห์หน้าจนถึงสิ้นปีนี้ ซึ่งมีรายละเอียดสำคัญๆ ดังนี้
คาดหวังสถาบันฯ ซื้อสุทธิหุ้นไทยในเดือน ธ.ค. นี้ 1 – 2 หมื่นล้านบาท สะท้อนได้จากสถิติในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สถาบันฯ ซื้อสุทธิหุ้นไทยมากสุดในเดือน ธ.ค. เฉลี่ยกว่า 1.06 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะเดือน ธ.ค. ปีที่กองทุน LTF ยังสามารถให้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ (ปี 2556 –2562) สถาบันฯ ซื้อสุทธิหุ้นไทยในเดือน ธ.ค. เฉลี่ยสูงถึง 2 หมื่นล้านบาท
เวลามีเม็ดเงินจากกองทุนใหม่เข้ามาในตลาด มักหนุนให้ SET ช่วงนั้นปรับตัวขึ้นได้ดี ซึ่งเปรียบเทียบสถานะการณ์ เวลามีเม็ดเงินใหม่จากกองทุน TRIGGER FUND เข้ามาในตลาดเยอะๆ อย่าง ในช่วงท้ายเดือน มี.ค.66 (9 วันทำการ) สถาบันฯ ซื้อสุทธิหุ้นไทย 1.1 หมื่นล้านบาท หนุน SET ขึ้น 3.5% และช่วงต้นเดือน พ.ค. 66 (6 วันทำการ) สถาบันฯ ซื้อ 1.6 หมื่นล้านบาท หุ้นไทยขึ้น 2.2%
ฝ่ายวิจัยฯ จึงทำการคัดกรองหาหุ้นที่จะได้เม็ดเงินใหม่จากกองทุน THAILAND ESG FUND หนุน จาก 20 หุ้นใหญ่สุดที่มี ESG SCORE สูงระดับ AA, AAA ได้แก่
โดย ASPS ชื่นชอบหุ้น EA, SCGP, CPALL, PTTGC, PTTEP, GULF, CRC, SCC, BDMS,CPN, PTT, ADVANC