คดีหุ้น STARK อัยการนัดฟังคำสั่งฟ้อง 12 มกราคมนี้

09 ม.ค. 2567 | 13:44 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ม.ค. 2567 | 14:51 น.

เกาะติด"คดีหุ้น STARK" ล่าสุด อัยการสำนักงานคดีพิเศษ เตรียมนัดจำเลยฟังคำสั่งฟ้องวันที่ 12 มกราคม 2567 เวลา 10.00 น.

วันที่ 9 มกราคม 2567 อัพเดตความคืบหน้าคดีหุ้น STARK ที่ในวันศุกร์ที่ 12 มกราคม 2567 เวลา 10.00 น. จะมีการนัดจำเลยเพื่อฟังคำสั่งฟ้อง  ซึ่งหากอัยการสั่งฟ้อง ก็ต้องทำเรื่องประกันตัว แต่หากอัยการมีคำสั่งว่า รอฟังคำสั่งฟ้องอีกที ก็หมายความว่าคดีนี้ต้องเลื่อนออกไปก่อน 

 

สำหรับกรณีคดีหุ้น STARK ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2566 นายวิรุฬห์ ฉันท์ธนนันท์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ เปิดเผยว่า คดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจเพราะมีความผิดในลักษณะกระทบเศรษฐกิจหุ้น ซึ่งผู้เสียหายมีเป็นจำนวนมาก ความเสียหายเป็นวงกว้างทางอัยการจะต้องพิจารณาสำนวนอย่างรอบคอบให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย บนพื้นฐานของประโยชน์สาธารณะ 

 

"คิดว่าสำนวนคดีนี้เราจะพิจารณาสั่งให้เสร็จโดยเร็ว แต่การจะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องให้ทันวันที่ 12 ได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานในสำนวนว่าสิ้นกระแสความหรือไม่ ถ้าหากสิ้นกระแสความจนสามารถสั่งฟ้องได้หรือสั่งฟ้องไม่ได้ อัยการก็จะมีคำสั่งสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องคดี แต่ถ้าหากว่ายังไม่สิ้นกระแสความเนื่องจากว่าขาดพยานหลักฐานสำคัญที่จำเป็นที่จะต้องใช้ในการพิจารณาสั่งคดี ก็จะต้องมีการสั่งให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอทำการสอบสวนเพิ่มเติม"
 

อนึ่งสำหรับคดีหุ้น STARK หลังพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ รับสำนวนจากพนักงานสอบสวนพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้นำตัวผู้ต้องหาคดีทุจริตในบริษัท STARK คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมสำนวนการสอบสวน รวมถึงเอกสารพยานหลักฐาน ในคดีที่มีการกล่าวหา นายชนินทร์ เย็นสุดใจ (อยู่ระหว่างหลบหนี) กับพวกรวม 11 คนในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ฐานตกแต่งบัญชีและงบการเงิน และฐานฉ้อโกงประชาชนฯต่อพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษเพื่อพิจารณามีคำสั่งทางคดี เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา

 

สำนักงานอัยการสูงสุดได้รับสำนวนคดีหุ้นSTARK เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2566 โดยคดีนี้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้มีอำนาจสอบสวนคดีและมีการสรุปสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาให้กับทางสำนักงานคดีพิเศษ ซึ่งคดีดังกล่าวเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก เพราะเป็นคดีที่มีผู้เสียหาย มูลค่าความเสียหายจำนวนมาก มีการกล่าวหาผู้ต้องหาทั้งหมด 12 คน หลบหนี 1 คน เหลือตัวผู้ต้องหา 11 คน มี5 รายเป็นนิติบุคคล ทุกคนมาทราบนัดวันส่งตัว

 

ผู้ต้องหาทั้งหมดได้ร่วมกันสร้างบัญชีเท็จขึ้นมาโดยเป็นบัญชีของบริษัทซึ่งไม่ตรงกับความจริง มีลักษณะเหมือนกับเป็นการสร้างรายได้ปลอมที่มีมูลค่ากำไรสูงเกินการสร้างรายได้เเละรายได้ปลอมผ่านทางบริษัทย่อย ที่เป็นเครือข่ายหลายบริษัท หลังจากนั้นก็มีการนำรายได้ที่สร้างขึ้นเท็จนี้ เอาไปเสนอขายหุ้นให้กับประชาชน ผ่านทางแบบแสดงรายการข้อมูลเสนอขายตราสารหนี้ และหนังสือชี้ชวนจนกระทั่งมีผู้สนใจเข้ามาซื้อหุ้นและร่วมลงทุนเป็นจำนวนมากรวมผู้เสียหายทั้งหมด 4,000 กว่าคน ค่าเสียหายมูลค่ากว่า14,000 ล้านบาท 

 

ซึ่งหลังจากได้เงินของจากการลงทุนของประชาชนและจากผู้ลงทุนสถาบันมาแล้ว จะมีการถ่ายเทเปลี่ยนเงินออกไปเป็นทอดๆ  มีข้อสังเกตว่าบางส่วนเป็นการนำเงินไปเข้าบัญชีส่วนตัว บางส่วนก็นำไปเสนอหนี้แทนลูกหนี้การค้า ซึ่งมีการปลอมขึ้น


นายวิรุฬห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า  หลังพนักงานอัยการเราได้รับสำนวนก็ได้ตรวจสอบพยานเอกสารทั้งหมดที่อยู่ในสำนวนทั้งหมด 22 ลัง รวมจำนวน 130 เเฟ้มเศษ มีผู้เสียหาย 4,000กว่าคน ซึ่งกระบวนการหลังจากนั้นจะมีคำสั่งตั้งคณะทำงานประกอบด้วยพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษประมาณ5-7คนมีระดับอัยการพิเศษฝ่ายขึ้นไปเป็นหัวหน้าคณะทำงาน พิจารณาสำนวนทำความเห็น เเละนัดผู้ต้องหาทุกคนมาฟังคำสั่งในวันที่ 12 ม.ค.2567 เวลา 10.00 น.