ทายาท "จิราธิวัฒน์" เปิดตัว กองทุน 1 หมื่นล้าน บริหาร Private Equity

16 ม.ค. 2567 | 08:32 น.
อัพเดตล่าสุด :16 ม.ค. 2567 | 09:38 น.

ทายาทตระกูล “จิราธิวัฒน์” เปิดตัว CG CAPITAL กองทุน 1 หมื่นล้าน บริหารกองทุน Private Equity ลงทุนกลุ่มโรงแรม ท่องเที่ยว อสังหาฯ ในไทย ปักหมุด 4 เมืองท่องเที่ยว ประกาศลงทุนโครงการแรกกับ Standard International แบรนด์บูทีคโฮเทลและไลฟ์สไตล์ 5,000 ล้าน ในรูปแบบโครงการมิกซ์ยูส

นายภูมิ จิราธิวัฒน์ ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหาร CG Capital เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจท่องเที่ยวไทยหลังวิกฤตโควิด-19 สามารถพลิกฟื้นกลับมาขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดจากสิ้นปี 66 ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาประเทศไทยจำนวนสูงถึง 28 ล้านคน และมีแนวโน้มที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นเท่าช่วงก่อนวิกฤตโควิด-19 และขยายตัวต่อไปได้อย่างแน่นอน

จึงมองว่าแนวโน้มธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับภาคท่องเที่ยวยังมีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องในระยะยาว จึงตัดสินใจจัดตั้งบริษัทขึ้นมาดำเนินธุรกิจบริหารการลงทุนในรูปแบบกองทุน Private Equity

นายภูมิ จิราธิวัฒน์ ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหาร CG Capital

นายสรวิศ ชัยโรจน์ ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหาร CG Capital จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้จัดตั้งกองทุนแรกมูลค่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งมีผู้ลงทุนหลักประกอบด้วย 1.ครอบครัวจิราธิวัฒน์ 2.ธนาคารชั้นนำ 3.นักลงทุนสถาบันระดับโลก

โดยมีวัตถุประสงค์ลงทุนเพื่อสนับสนุนธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นหลัก ซึ่งจะมีทั้งการลงทุนในโรงแรม คอนโดมิเนียม สวนสนุก สวนน้ำ และ Mixed-use ที่เกี่ยวข้อง มุ่งเน้นในเมืองท่องเที่ยวหลักของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพ ภูเก็ต สมุย และพัทยา โดยคาดว่าจะลงทุนปีละ 3-5 โครงการ

ในปี 67 บริษัทจะเปิดตัวโครงการแรกที่ลงทุน ประกอบด้วย โครงการที่พักอาศัย Branded Residences ภายใต้เครือโรงแรมบูทีคไลฟ์สไตล์ระดับโลกอย่าง Standard International เป็นโรงแรมในเครือ คือ The Standard Residences, Phuket Bang Tao และ The Peri Hotel Phuket Bang Tao ทำเลที่ตั้งย่านเชิงทะเล-บางเทา ในภูเก็ต มูลค่าโครงการมากกว่า 5,000 ล้านบาท จะเปิดตัวภายในเดือน เม.ย.67 และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณปี 69

นายสรวิศกล่าวว่า เราจัดตั้งกองทุนแรกนี้ขึ้นมา เพราะมีความเชื่อมั่นว่าภาคธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศไทยยังมีอนาคตที่ดี และเชื่อว่าภายใน 3-5 ปีข้างหน้า นักท่องเที่ยวจะเติบโตต่อเนื่องทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ รวมถึงกลุ่ม Expat และ Digital Nomad ที่มองประเทศไทยเป็นจุดหมายอันดับต้น ๆ ของโลก

การเข้าไปลงทุนในโครงการต่าง ๆ ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง เป็นการช่วยสนับสนุนการพัฒนาของธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทย และจะส่งผลให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีตามไปด้วยในระยะยาวบนความผันผวนที่ต่ำกว่าการลงทุนในตลาดหุ้น

ปัจจุบันการลงทุนในรูปแบบ Private Equity ถือเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนสถาบันชั้นนำของโลก เพราะมีความคล่องตัวในการบริหาร มีขั้นตอนและหลักเกณฑ์การลงทุนที่เป็นระบบ และให้การเติบโตทางมูลค่าที่แตกต่าง ทำให้นักลงทุนสถาบันชั้นนำทั่วโลกให้น้ำหนักในพอร์ตกันมากขึ้น