KEY
POINTS
นายวิกิจ ถิรวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มรับเหมาก่อสร้างในปี 2567 มองว่าไม่น่าเป็นกังวลนัก เพราะจากการเข้าไปสอบถามข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนและงบประมาณประจำปี 2567 ของภาครัฐ ได้ความว่าปัจจุบันสามารถใช้เงินลงทุนที่ประกาศออกมาได้เลยไม่ติดขัด หากไม่มีปัจจัยกระทบใหม่เข้ามากระทบ
นอกจากนี้ มองว่าในปี 2567 ยังได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากประเด็นที่ทางกระทรวงคมนาคมมีแผนดันโครงการขนาดใหญ่รวม 7 โครงการเข้าครม. พิจารณาในเดือนมกราคม 2567 มูลค่ารวมกว่า 1.33 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้กลุ่มรับเหมาก่อสร้างปีนี้เริ่มกลับมามีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น เพราะมองว่าอย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวจะถูกผลักดันให้เกิดขึ้นแน่นอน สำหรับหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่แนะนำ ได้แก่ CK เนื่องมีงานในมือรอส่งมอบ (Backlog) กว่า 1.4 แสนล้านบาท มีเงินปันผลจากบริษัทย่อยที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพ และ STEC เพราะเป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้ มีงานในมือที่ส่งมอบงานและรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ อาจต้องให้การจับตารอดูความคืบหน้าและบทสรุปในส่วนของนโยบายโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่จะใช้งบประมาณ 5 แสนล้านบาท ซึ่งต้องมีการออกร่าง พ.ร.บ. เงินกู้ เพื่อใช้แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ ก่อนส่งสภานั้นจะมีความสำเร็จได้มากน้อยแค่ไหน มองว่าอาจต้องใช้ระยะเวลาและหากว่าไม่อาจเกิดขึ้นจริง คำถามต่อไป คือ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใหม่อีกหรือไม่ ทำให้ในปี 2568 มีความไม่แน่นอน และยังมองไม่เห็นภาพที่ชัดเจน
ขณะที่นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เผยว่า ประเมินภาพรวมกลุ่มรับเหมาก่อสร้างในปี 2567 มองว่างานโครงการใหม่ๆ โดยเฉพาะโครงการโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐอาจยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควรนัก เนื่องจากกว่าที่จะได้เริ่มต้นใช้งบประมาณของปี 2567 ก็เข้าสู่ช่วงเดือนพฤษภาคมแล้ว และสิ้นสุดในช่วงปลายเดือนกันยายน สะท้อนให้เห็นว่ารอบของการใช้งบประมาณประจำปีมีระยะเวลาที่ค่อนข้างสั้น
ดังนั้น จึงอาจยังไม่ได้เห็นภาพของการฟื้นตัวของกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ชัดเจนมากนักในปีนี้ แต่จะเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการต่างๆ มากกว่า และคาดว่าจะเห็นภาพของการขยายตัวในทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้นในปี 2568 เป็นต้นไป หากว่าไม่มีปัจจัยภายนอกและภายในประเทศใหม่ๆ เข้ามากระทบรุนแรงเหมือนช่วงเกิดโรคระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ทางฝ่ายมีมุมมองเชิงบวกกับ CK เพราะว่ามี Backlog สูงกว่าแสนล้านบาท สะท้อนผลการดำเนินงานที่ยังคงมีการเติบโตได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน
บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ทางฝ่ายยังคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของกลุ่มรับเหมาฯ ในปี 2567 โดยคาดกำไรปกติที่ 2,750 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน และทางฝ่ายให้น้ำหนักต่อประเด็นบวกของกลุ่มเรื่องโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ ที่รอการประมูลจะช่วยหนุน Backlog ของกลุ่มอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น ทางฝ่ายจึงคงน้ำหนักการลงทุนของกลุ่มที่ “มากกว่าตลาด”
ประเด็นกระทรวงคมนาคมมีแผนเสนอโครงการขนาดใหญ่รวม 7 โครงการเข้าครม. พิจารณาในเดือนมกราคม 2567 มูลค่ารวมทั้งหมดราว 1.33 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนราว 55% ของ Backlog ปัจจุบันของกลุ่มรับเหมาฯ แต่อย่างไรก็ดี จากการที่ ครม. มีมติปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 2-16 บาท หรือเฉลี่ยเติบโต 2.4% ทางฝ่ายมองว่ากระทบผลประมาณการกำไรปี 2567 ของกลุ่มราว 5% แต่มองว่าถูกสะท้อนไปในราคาหุ้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม มองว่ายังต้องติดตามการพิจารณาการปรับขึ้นค่าแรงอีกครั้ง หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 หรือ บอร์ดไตรภาคี ได้มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการวิเคราะห์และปรับปรุงสูตรการคำนวณอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ หรือ ค่าแรงขั้นต่ำ รอบใหม่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2 เดือนจากนี้ ก่อนที่จะนำข้อมูลไปเสนอคณะกรรมการไตรภาคีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง