บริษัท แนท แอบโซลูท เทคโนโลยีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NAT เปิดการซื้อขายวันนี้ (15 ก.พ.67) เป็นวันแรก ราคาเปิดบวกที่ระดับ 5.95 บาท เพิ่มขึ้น 4.55 บาท หรือคิดเป็น 10.19% จากราคาจองซื้อ (IPO) ที่ 5.40 บาท
นายสุธี อภิชนรัตนกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แนท แอบโซลูท เทคโนโลยีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NAT เปิดเผยว่า ราคาในการเข้าทำการซื้อขายเป็นวันแรกในวันนี้ (15 ก.พ.67) ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นใจการดำเนินธุรกิจ และเห็นโอกาสการเติบโตของบริษัทในอนาคต ทำให้ราคาหุ้นเปิดตลาดในวันนี้เป็นบวก สวนทางกับดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ยังยืนในแดนลบ
โดยการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ของบริษัทในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทมีโอกาสในการขยายงานมากขึ้น ทั้งในแง่ของมูลค่างาน ความพร้อมของบุคลากร ตลอดจนรูปแบบการให้บริการ
โดยบริษัทมีแผนเพิ่มบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ อาทิ วิศวกร พนักงานฝ่ายขาย และ บุคลากรทางด้านไอที เพื่อเพิ่มความพร้อมในการเข้ารับงานโครงการต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
สามารถขยับมูลค่าการเข้ารับงานโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีขึ้นไปอยู่ที่ระดับหลายร้อยล้านบาทต่อโครงการ จากเดิมอยู่ในระดับสิบถึงร้อยล้านบาท อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสในการเข้ารับงานด้านการวางระบบ Cyber Security และ Software Development ตามความต้องการเฉพาะของลูกค้าองค์กรต่างๆ ได้มากขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ ในปี 2567 บริษัทเตรียมประมูลงานโครงการใหม่ๆ จากหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ มูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งมาจากงานราชการ, กระทรวงต่างๆ รัฐวิสาหกิจ และเฮลท์แคร์ เป็นต้น เบื้องต้นคาดหวังว่าจะมีโอกาสได้รับงานใหม่เข้ามาเติมพอร์ตไม่น้อยกว่า 80% ขณะเดียวกันก็จะพยายามนักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมเฉลี่ยทั้งปีนี้ให้อยู่ที่ระดับไม่น้อยกว่า 15% ได้อย่างต่อเนื่อง
ณ สิ้นไตรมาส 4/2566 บริษัทมีงานในมือที่รอการทยอยส่งมอบตามกำหนด (Backlog) อีกกว่า 600 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะส่งมอบและรับรู้เข้ามาเป็นรายได้ภายในปี 2567 นี้ประมาณ 90% โดยในปีนี้บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมไว้ที่ไม่น้อยกว่า 30% จากปีก่อน ซึ่งจะเป็นการทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง 3 ปี
นอกจากนี้ บริษัทยังมีความสนใจและมองหาโอกาสในการขยายความร่วมมือพัฒนาศักยภาพระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักร่วมกับพันธมิตรใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีที่อยู่ระหว่างการเจรจาอยู่ 2-3 ดีล เบื้องต้นคาดว่าในช่วงไตรมาส 2/2567 จะได้เห็นข้อสรุปที่ชัดเจนอย่างร้อย 1 ดีล
“ปัจจุบันสัดส่วนงานโครงการของบริษัทแบ่งเป็น งานภาครัฐจำนวน 85% งานเอกชนจำนวน 15% และ บริษัทมีอัตราการได้งานจากการเข้าประมูลในระดับสูง ด้วยจุดแข็งของบริษัทที่ให้บริการโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ด้วยความเชี่ยวชาญ และ การผลิตภัณฑ์ทางเทคโนโลยีจากบริษัทระดับโลก ซึ่งความสามารถของบริษัทและโอกาสที่จะเข้ามาในอนาคต จะส่งผลให้บริษัทมี Backlog เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สอดรับกับศักยภาพทางการเงินของบริษัทจากการระดมทุนและสามารถสร้างสถิติสูงสุดทั้งรายได้และกำไรในปีนี้ได้อย่างแน่นอน” นายสุธี กล่าว