เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 CPALL และ CPAXT ได้ประกาศแผนปรับโครงสร้างธุรกิจ ซึ่งจะประกอบด้วยธุรกรรมการโอนกิจการทั้งหมดของ บริษัท โลตัสส์ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด (Lotus’s Thailand) ให้แก่ CPAXT โดย Lotus’s Thailand จะโอนหุ้น LOTUSS ที่ถืออยู่ทั้งหมดให้แก่ CPAXT
ภายหลังจากธุรกรรมการรับโอนกิจการทั้งหมดแล้วเสร็จ Lotus’s Thailand จะดำเนินการเลิกบริษัทและชำระบัญชี ในขณะที่ CPAXT จะดำเนินการควบรวมกิจการกับ LOTUSS ต่อไป โดย CPAXT และ LOTUSS จะควบรวมกันเป็นบริษัทใหม่ โดยบริษัทใหม่จะครอบครองทั้งทรัพย์สิน หนี้ สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบของ CPAXT และ LOTUSS ทั้งหมด ทั้งนี้ การควบรวมกิจการคาดว่าจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567
ทริสเรทติ้งมองธุรกรรมการปรับโครงสร้างครั้งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของ CPALL , CPAXT และ LOTUSS เนื่องจากปัจจุบัน CPAXT ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99% ใน LOTUSS ดังนั้น ทริสเรทติ้ง จึงประเมินว่า CPAXT และ LOTUSS ยังคงมีสถานะเป็นบริษัทย่อยหลัก (Core Subsidiary) ของ CPALL ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของทั้งสองบริษัทในการเป็นผู้นำในธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก ตลอดจนการมีสัดส่วนกำไรที่มีนัยสำคัญต่อกลุ่ม
ทั้งนี้ บริษัทใหม่จะเป็นผู้นำในธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก ทริสเรทติ้งมองว่าผลการดำเนินงานในภาพรวมจากธุรกรรมทั้งหมดจะได้รับประโยชน์จากการปรับโครงสร้างทั้งด้านประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการผสานประโยชน์ระหว่างกันที่มากขึ้น
ปัจจุบัน CPALL ได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “A+” อันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีหลักประกัน และหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันที่ระดับ “A+” ในขณะที่อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน (Hybrid Debentures) อยู่ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” หรือ “บวก”
CPAXT และ LOTUSS ได้รับการประเมินสถานะเป็นบริษัทย่อยหลักของ CPALL โดยอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ CPAXT และ LOTUSS อยู่ที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” หรือ “บวก”