ทิศทางดอกเบี้ยทั่วโลกขาลง หลังอัตราเงินเฟ้อปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนไหลไปมายังสินทรัพย์อื่น อย่างทองคำและคริปโตมากขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ที่ระดับ 2,160 ดอลลาร์ต่อออนซ์เพิ่มขึ้นว่า 4.50% จากต้นปี ขณะที่ราคา Bitcoin แตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 69,200 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 2.46 ล้านบาทเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2567
ส่วนราคาทองคำในประเทศปรับเพิ่มขึ้น 1,400 บาทต่อบาททองคำในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาและเพิ่มขึ้นถึง 2,300 บาทต่อบาททองคำจากต้นปี ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง 4.54% จากระดับ 34.14 บาทต่อดอลลาร์จากสิ้นปี 2566 มาอยู่ที่ระดับ 35.69 บาทต่อดอลลาร์เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2567
ระวังเฮดฟันด์ขายทำกำไร
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำเปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า แนวโน้มราคาทองคำมีโอกาสจะเห็นขยับแตะ 38,000 บาทในช่วงไตรมาส3-4 ของปีนี้ แต่ราคาระยะสั้นยังผันผวนและปรับราคาขึ้นหรือลงค่อนข้างเร็ว ดังนั้นอยากเตือนผู้ลงทุนให้ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เพราะมีโอกาสที่ทางกองทุนโดยเฉพาะกองทุนยุโรป (เฮดจ์ฟัน) จะเทขายกองทุนออกมาเพื่อทำกำไร
สอดคล้องกับนางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า ภาพของทองคำในระยะยาวของปี 2567 ยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยเป้าหมายทั้งปี YLG ยังคงให้ไว้ที่ 2,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์เนื่องจากในครึ่งปีหลังเป็นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง และตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะดำเนินนโยบายคงอัตราดอกเบี้ยตํ่าไปต่อเนื่อง 2-3 ปี
ดังนั้นภาพใหญ่ 2- 3 ปี ทองคำจึงยังคงเป็นบวก แต่ระยะสั้นอาจมีแรงเทขายทำกำไรสลับออกมา หลังจากที่ราคาทองคำทำจุดสูงสุดใหม่แล้ว
ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% เดินหน้าทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยราคาทำระดับสูงสุดใหม่ที่ระดับ 36,350 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งนอกจากจะได้รับปัจจัยหนุนเช่นเดียวกับทองคำในตลาดโลก แล้ว ยังได้รับอานิสงส์มาจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอยู่ใกล้โซน 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ทองไทยโอกาสแตะ 4 หมื่นบาท
นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการฝ่ายบริหาร กลุ่มบริษัทในเครือเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก (MTS) กล่าวว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มจะเหวี่ยงเพิ่มขึ้นได้อีก โดย Gold Spot ขณะนี้อยู่ที่ 2,140 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มีโอกาสจะปรับขึ้นได้อีก 100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยครึ่งปีหลังจะเห็นราคาอยู่ที่ประมาณ 2,280- 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนทองคำไทยก็มีโอกาสจะปรับเพิ่มแตะ 38,000-40,000 บาท
“ราคาทองคำไทยตอนนี้เพิ่มขึ้นแล้วราว 7% หรือราว 2,500 บาทต่อบาททองคำ เฉพาะ 4 วันที่ผ่านมา ราคาดีดขึ้นเยอะประมาณ 1,000 บาทต่อบาททองคำ ส่วน Gold Spot ราคาปรับเพิ่มมา 3.5-4% สาเหตุจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาในช่วงหลังอ่อนแอลง บวกกับตลาดคาดว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยจากเดิมที่คาดว่าจะเลื่อนออกไป ทำให้ราคาทองคำดีดขึ้นมา” นพ.กฤชรัตน์กล่าว
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ช่วง 4 วันก่อนที่ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นนั้น ดอลลาร์เกือบจะทรงตัว ซึ่งปกติเวลาราคาทองคำเพิ่มขึ้น เงินดอลลาร์ต้องอ่อนค่า แต่เพิ่งจะอ่อนค่าบ้างเล็กน้อยเมื่อวันที่ 6 มีนาคมประมาณ 0.4% โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) จาก 103.8จุด ย่อลงใกล้ระดับ 103.29 จุด ส่วนเงินบาทแข็งค่าไม่มากจาก 35.94 เป็น 35.72 บาทต่อดอลลาร์
โดยองค์รวม ทองคำตลาดโลกแนวโน้มยังอยู่ในทิศทางขาขึ้นจากที่ขยับเพิ่มมาแล้ว 4% โดยประเมินว่า โอกาสจะขึ้นต่อไม่น้อยกว่า 10% แต่อาจจะค่อยๆปรับขึ้น เพราะที่ผ่านมา ราคาเหวี่ยงขึ้นมากแล้ว รอจังหวะย่อตัวค่อยเข้าซื้อดีกว่า แต่ยอมรับว่า หลายครั้งที่รอแล้วราคาทองก็ไม่ย่อลงมา โดยจะเห็นว่า 4 วัน ที่ผ่านมาราคาทองทรงตัวแล้วปรับขึ้น ไม่ย่อลงเลย
อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ Wait & See ติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะราคาทองคำที่ปรับขึ้นมาเร็ว ส่วนเฮดจ์ฟันด์ได้ทยอยขายไปค่อนข้างมากแล้วที่ผ่านมา เห็นได้จากคืนวันที่ 6 มีนาคม ขายออกทองคำ 4 ตัน แต่ราคาทองกลับเพิ่มสวนขึ้นมาอีก 20 ดอลลาร์สหรัฐ โดยรวมช่วง 2 เดือนปีนี้ กองทุน SPDR ขายทองคำออกมาแล้ว 61 ตัน ถือว่าเยอะมาก เมื่อเทียบกับปีที่แล้วทั้งปีขายออกเพียง 39 ตัน
Gold Spot อาจถึง 2,200 ดอลลาร์
นายวรชัย ตั้งสิทธิ์ภักดี กรรมการบริษัทห้างขายทอง จินฮั้วเฮง จำกัดกล่าวว่า ส่วนตัวมองมีความเป็นไปได้ที่ Gold Spot จะขยับแตะ 2,200 ดอลลลาร์ต่อออนซ์ หลังคืนวันที่ 6 มีนาคม ราคาขึ้นมาอยู่ที่ 2,140 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากจะเพิ่มอีก 60 ดอลลาร์ไม่น่าจะยาก และหากจะมองจากปัจจัยพื้นฐานขณะนี้ ยังไม่มีจังหวะที่ราคาทองคำย่อลง เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกมีความไม่แน่นอน บวกสถานการณ์สงครามที่ตลาดยังกังวลต่อหากขยายวง ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ไม่ดี ยิ่งหนุนราคาทองคำ เพราะปัจจุบันขนาดเฟดยังไม่ลดดอกเบี้ย ราคาทองยังเพิ่มขึ้นนาดนี้ หากเฟดปรับดอกเบี้ยลงจริง ราคาทองจะยิ่งเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ถ้าราคาทองคำจะลดลงมาจริงๆก็เพราะที่ผ่านมาราคาทองคำวิ่งขึ้นมาเร็ว เพียงแต่ไม่รู้จังหวะว่าเฮดจ์ฟันต่างๆ จะพอใจเทขายในระดับราคาใด ดังนั้นผู้ลงทุนต้องศึกษาตลาดและเพิ่มความระมัดระวังอย่างมาก แต่ส่วนตัวมองว่า ราคาทองตอนนี้ปรับขึ้นมาแพงแล้ว ซึ่งจริงๆรอบนี้ ทองคำราคาปรับขึ้นมาเร็วมาก หากจะเข้าซื้อตอนนี้ดูเหมือนจะค่อนข้างช้า แค่สัปดาห์เดียวราคาขึ้นมา 1,400 บาท
หากย้อนดูสถิติราคาทองคำ 5ปีที่ผ่านมา พบว่า เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเฉลี่ย 7-8% และระหว่างปีในแต่ละปีมีความน่าจะเป็นว่า ราคาทองคำขยับขึ้นมา 3,000 บาท โดยเฉพาะความต้องการซื้อทองคำทั้งธนาคารกลางทั่วโลก หรือกรณีการอายัดพันธบัตรจากการแซงชั่นทางการเมืองทำให้แต่ละประเทศหันมาถือทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ดีที่สุด ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก และต่อให้เฟดยังไม่ลดดอกเบี้ยคนยังมองว่าราคาทองคำยังขยับ
“ราคา Gold Spot ทองคำนิวไฮเดิมถูกทำลายลงที่ระดับ 2,148 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับราคาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ดังนั้นแนวโน้มนิวไฮใหม่จะไม่มีเพดาน ซึ่งทางเจพีมอร์แกนคาดว่าปีนี้ จะเห็น Gold Spot ที่ 2,200 ดอลลาร์ ส่วนตัวมองว่า น่าจะเห็นในเร็วๆนี้ ซึ่งหากค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.55บาทต่อดอลลาร์ก็จะเห็นราคาทองคำในประเทศอยู่ที่ประมาณ 36,800 บาท จากวันที่ 6 มีนาคมช่วงเช้า ราคาทองคำในประเทศทำนิวไฮที่ 36,100บาท ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.84 บาทต่อดอลลาร์"นายวรชัยกล่าวทิ้งท้าย
บิตคอยน์ใกล้ทำราคาสูงสุดใหม่
นายสัญชัย ปอปลี ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คริปโตมายด์ กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการคำปรึกษาและการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลกล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า นักลงทุนสถาบันเข้ามาลงทุนใน Bitcoin spot ETF จึงมีเม็ดเงินใหม่จากกลุ่มนักลงทุนสถาบันไหลเข้าสู่ตลาด ทำให้ราคาของบิตคอยน์ เมื่อเทียบกับสกุลเงินบาทและสกุลอื่น ๆ พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 69,200 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 2.46 ล้านบาท ก่อนถูกเทขายร่วงลงมา
ทั้งนี้ ราคาบิตคอยน์ปัจจุบัน อยู่ที่ 65,000 ดอลลาห์สหรัฐ หรือ ประมาณ 2.3 ล้านบาท ใกล้จะทดสอบ All time high อีกครั้ง ทำให้มีโอกาสเกิดแรงเทขายระยะสั้น สวนทางกับพื้นฐานและข่าวดีที่เกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ในระยะต่อไปยังมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นไปต่อได้ โดยคาดว่าราคาบิตคอยน์จะวิ่งไปแตะที่ 70,000-75000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.4-2.6 ล้านบาท
“ขณะนี้สัญญาณที่เห็นทั่วโลก มีนักลงทุนรายย่อยเข้ามามาลงทุนคริปโตมากขึ้น ดูได้จากยอดดาวน์โหลดแอป Coinbase ในแอปสโตร์ ที่ตอนนี้อยู่อันดับที่ 49 จากเดิมอันดับกว่า 200 ซึ่งในไทยมีนักลงทุนหน้าใหม่สนใจเข้ามาลงทุนในคริปโตมากขึ้น อย่างไรก็ตามต้องเลือกจังหวะการลงทุนที่เหมาะ โดยตลาดขึ้นแรง ๆ ทำ All time high ไปก่อนหน้านี้ ซึ่งช่วงนี้ราคาค่อนข้างสวิงไปมา ซึ่งมองว่าจะมีการปรับฐานเพื่อไปต่อ ซึ่งภาพรวมมองว่าเป็นจังหวะที่ดีที่สามารถทยอยสะสมหลังจากการปรับฐานครั้งนี้”
2เหตการณ์หนุนราคาคริปโต
ด้านนายวรเมธ จันทร์เสน ที่ปรึกษาการลงทุน บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัดกล่าวว่า ภาพรวมตลาดคริปโตยังมีแนวโน้มที่สามารถเติบโตได้สูงและน่าจับตามองในเดือนมีนาคม เนื่องจากกระแสเงินไหลเข้า Bitcoin หลังอนุมัติ Spot ETF สัปดาห์สุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ (22-29 ก.พ.) พบว่า มีเม็ดเงินไหลเข้า Bitcoin spot ETF เฉลี่ย 391 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน เมื่อพิจารณาร่วมกับ Supply ของ Bitcoin ที่ถูกขุดออก มาได้วันละ 930 BTC ที่ราคา 60,000 ดอลลาร์ สหรัฐต่อ 1 BTC พบว่ามี Bitcoin ถูกขุดเป็นมูลค่า 55.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ทำให้เม็ดเงินใหม่ที่ไหลเข้า Bitcoin spot ETF นั้นสูงกว่า Bitcoin ที่ถูกขุดต่อวันถึง 6 เท่า
ขณะที่การเข้าซื้อ BTC มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Whale wallet ในเดือนมกราคมที่ผ่านมามีแรงซื้อ Bitcoin ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เกิดขึ้น 205,000 BTC ในราคาเฉลี่ย 44,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 BTC มากไปกว่านั้นมีแรงซื้อของนักลงทุนรายใหญ่เกิดขึ้นกว่า 204,000 BTC ในราคาเฉลี่ย 51,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 BTC ดังนั้น ข้อมูลนี้จึงแสดงถึงความมั่นใจของนักลงทุนรายใหญ่ที่มีต่อ Bitcoin แม้ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญที่มีโอกาสส่งผลต่อมูลค่า ETH แม้มูลค่าของ ETH จะปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 53% ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ระยะกลางยังมีอีก 2 เหตุการณ์สำคัญคือ
หน้า 1 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 3,973 วันที่ 10 - 13 มีนาคม พ.ศ. 2567