เบื้องลึก "ชูเกียรติ" หัวเรือใหญ่ SABUY ยืดอกลาตำแหน่ง CEO

13 มี.ค. 2567 | 00:26 น.
อัปเดตล่าสุด :13 มี.ค. 2567 | 03:25 น.

เบื้องลึกหัวเรือใหญ่ "ชูเกียรติ รุจนพรพจี" ประกาศลาออกจากทุกต่ำแหน่งใน SABUY เหลือเพียงเก้าอี้กรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ หวังลด conflict เชิงลบของ Sabuy พร้อมยืนยันจะทำให้ Sabuy ไป Sky

การประกาศลาออกจาก CEO บริษัท สบายเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY ของนาย ชูเกียรติ รุจนพรพจี ที่ออกมาระบุ ผ่าน Facebook ส่วนตัวในวันที่ 11 มีนาคม 2567 สร้างความประหลาดใจให้กับคณะกรรมการบริษัทหลายคน

หากดูจากข้อความที่นายชูเกียรติโพสต์ผ่าน Facebook พบว่าประเด็นสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจลาออกคือ การแอ่นอกรับผิดชอบคำพูดที่เคยสื่อสารที่ตั้งเป้ารายได้บริษัทในปี 2566 ไว้ 20,000 ล้านบาท แต่ทำได้ 9,600 ล้านบาท

“ผมขอรับผิดชอบในคำพูดที่ให้ไว้กับนักลงทุน โดยการลาออกจากทุกตำแหน่งในฝ่ายบริหาร เหลือแต่ตำแหน่งกรรมการใน Sabuy”นายชูเกียรติระบุ

อีกประเด็นสำคัญที่ทำให้นายชูเกียรติตัดสินใจลาออกคือ เพื่อต้องการลด conflict ที่เกิดกับทุกๆ ฝ่าย ลดข่าวเชิงลบของ Sabuy โดยเขามองว่าตัวเขาเป็นแม่เหล็กที่ดูดเอา conflict และข่าวเชิงลบให้ Sabuy มาตลอด 3 ปี 

“ผมรัก Sabuy และรักพนักงาน กรรมการ ผู้ถือหุ้น ของเรา การตัดสินใจวันนี้ ผมจะทำให้ Sabuy ไป Sky ผมยังอยู่ช่วย Sabuy แต่ในบทบาท ที่แตกต่างออกไป ที่จะทำให้ทุกคน ใน Sabuy มีความสุข สมหวัง แบบ สบาย สบาย ผมขอให้ทุกฝ่ายที่อาจจะโกรธและไม่ชอบในตัวผม ขอให้ อโหสิกรรม ให้ผมด้วย ผมจะไม่โกรธ ไม่เกลียด ไม่โมโห ใครอีกครับ” ข้อความตอนหนึ่งที่นายชูเกียรติโพสต์

ภายหลังนายชูเกียรติลาออก บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง คือ แต่งตั้ง นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี เป็น ประธานกรรมการบริหาร และ แต่งตั้ง นายวิรัช มรกตกาล เป็น ซีอีโอ หรือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดยผู้บริหารทั้ง 2 คนได้ทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูงให้ SABUY มากกว่า 3 ปี และ มีความรู้ ความสามารถ และ ประสบการณ์บริหารธุรกิจขนาดใหญ่มากว่า 30 ปี

นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คณะกรรมการ SABUY ขอขอบคุณ นายชูเกียรติ รุจนพรพจี ผู้ก่อตั้งและผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งได้บริหาร SABUY ตั้งแต่เริ่มตั้งบริษัท และนำบริษัทให้เติบโตและขยายกิจการและอาณาจักรของ SABUYอย่างยิ่งใหญ่ และ มีรายได้ถึง 9,600 ล้านบาทในปี 2566

นายวรวิทย์ยืนยันว่า นายชูเกียรติ จะเป็นหนึ่งในคณะกรรมการที่มีความสำคัญในการให้คำแนะนำ ร่วมตัดสินใจ และสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการและผู้บริหารอย่างเต็มที่ เพื่อผลักดันให้ SABUY เติบโตไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน ตนเองพร้อมที่จะสานต่อนโยบายการสร้างธุรกิจของ SABUY ให้เติบโต ด้วย DEC Ecosystem ที่แข็งแกร่ง เพื่อขยายฐานธุรกิจของ SABUY ให้เติบโตต่อไปและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้นทุกรายอย่างเท่าเทียมกัน

ขณะที่นายวิรัช มรกตกาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอขอบคุณคณะกรรมการของ SABUY ที่ให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจให้รับผิดชอบในการนำพา SABUY ไปถึงเป้าหมายธุรกิจที่มีความท้าทายสูงแต่มีโอกาสสำเร็จสูงเช่นกัน ตนเองและคณะกรรมการทุกท่าน รวมถึงคุณชูเกียรติขอยืนยันกับผู้ถือหุ้น ลูกค้าผู้มีอุปการคุณ และพันธมิตรธุรกิจทุกท่าน ว่าจะทุ่มเทความสามารถอย่างเต็มที่ เพื่อผลักดันให้ SABUY เติบโตต่อไปอย่างมั่นคง

ด้านแหล่งข่าวจากบริษัท สบายเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)  กล่าวถึงกรณีนายชูเกียรติ รุจนพรพจี ประกาศลาออกจากซีอีโอ บมจ. สบายเทคโนโลยี นั้นไม่มีปัญหาขัดแย้งภายในบอร์ด แต่หลักๆ น่าจะมาจากการไม่สามารถขับเคลื่อนธุรกิจไปให้ตามเป้าหมายที่ประกาศตั้งแต่ปี 2566 ว่าจะมีรายได้ 20,000 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 4 เท่าจากปี 2565  ที่ทำรายได้ไว้ 5,000 ล้านบาท โดยปี 2566 ที่ผ่านมาสบาย เทคโนโลยี ทำรายได้ ได้ราว 9,600 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามสาเหตุหลักที่ทำให้รายได้ไม่เป็นตามเป้าหมายเพราะมีปัญหาและอุปสรรคหลายประการที่ทำให้การขยายธุรกิจไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้

ขณะที่นายชูเกียรติ ก็เป็นคนแรกๆ ที่ออกมาเรียกร้องให้ตรวจสอบเรื่อง Naked Short Selling   มีการยื่นเรื่องไปกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ตรวจสอบ  ซึ่งอาจสร้างความไม่พอใจให้หลายฝ่าย

อย่างไรก็ตามแม้ว่านายชูเกียรติ จากลาออกจากซีอีโอ  แต่ยังคงนั่งตำแหน่งกรรมการ ซึ่งมีส่วนร่วมในการตัดสินใจทางธุรกิจในทุกเรื่องอยู่

ส่วนความเคลื่อนไหวของนายชูเกียรติ ล่าสุด  ได้เปลี่ยนเพจ SABUY CEO  เป็น  chookiat Sabuy

ขณะที่กรรมการในบอร์ด บมจ.สบายเทคโนโลยีรายหนึ่ง ยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้งในบอร์ดบริษัท และผู้ถือหุ้น   ซึ่งที่ผ่านมาในการประชุมบอร์ด  นายชูเกียรติ ไม่เคยพูดถึงการลาออกจากตำแหน่งซีอีโอ เมื่อทราบว่านายชูเกียรติลาออกทุกคนก็ประหลาดใจ

ด้านนายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า การที่ "นายชูเกียรติ รุจนพรพจี" ลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อยอดขายในปี 2566 ที่ออกมาต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ แต่ยังนั่งกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่เหมือนเดิมนั้น ส่วนตัวมองว่าไม่มีผลกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจและผลการดำเนินงาน

ขณะเดียวกันยังเชื่อว่าการบริหารงานใน SABUY จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปมากนัก เนื่องจากนายชูเกียรติ เองยังคงนั่งกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่เหมือนเดิม แต่ก็ต้องยอมรับผู้บริหารก็เป็นปัจจัยความสำคัญ เป็นคนที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่น ที่ผ่านมานักลงทุนค่อนข้างที่จะชื่นชอบในตัวนายชูเกียรติผู้บริหารเดิมคนนี้ค่อนข้างมาก

ที่ผ่านมา SABUY มีช่วงจังหวะเวลาที่ราคาหุ้นเคยทะยานขึ้นไปสูง โดยเฉพาะในช่วงที่มีการเร่งขยายธุรกิจและต่อยอดธุรกิจ การเข้าไปลงทุนในบริษัทต่างๆ ทั้งสร้างความประหลาดใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน

ส่วนการแต่งตั้งให้ นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี เป็น ประธานกรรมการบริหาร และแต่งตั้ง นายวิรัช มรกตกาล เป็น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มองว่าเป้นเพียงการ "เปลี่ยนหมวก" เท่านั้น ในการดำเนินธุรกิจยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้

อีกทั้งอันที่จริง ผู้บริหารใหม่ที่ขึ้นมารับตำแหน่ง ก็เป็นทีมบริหารเดิมอยู่แล้ว เชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามเดิม เพียงแต่จากนี้ไปในขั้นตอนของการดำเนินการขออนุมัติในเรื่องต่างๆ อาจต้องมีระยะเวลาดำเนินการ หรือขั้นตอนที่อาจจะกินเวลานานขึ้นหรือไม่ก็ต้องรอดูต่อไป

ขณะที่การปรับโครงสร้างธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา มองว่าตอนนี้ยังเป็นเรื่องที่ตอบได้ยาก เพราะ Ecosytem ของ SABUY นั้นค่อนข้างมีความหลากหลายและซับซ้อนมาก การที่ SABUY เข้าไปลงทุนถือหุ้นในบริษัทต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา บางบริษัทก็มีการถือหุ้นในจำนวนที่ไม่เยอะมาก ทำให้ผลตอบแทนที่ได้รับมาอาจเป็นเพียงแต่ตัวเลขทางบัญชี หรืออาจมีการเก็บเกี่ยวมาไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย กำไรรับมาได้ไม่เร็วเท่ากับการเข้าไปถือหุ้นเกิน 20% ที่จะได้รับมาเป็นปันผล

บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY ก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2557 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1 ล้านบาท ก่อนที่จะเข้าซื้อขายใน ตลาดหลักทรัพย์ mai เริ่มซื้อขายในวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ด้วยราคาหุ้นไอพีโอ 2.50 บาท และปิดตลาดที่ราคา 1.87 บาท และลงไปต่ำสุดเมื่อปิดตลาดวันที่ 18 ธันวาคม 2563 ที่ราคา 1.72 บาทต่อหุ้น แต่หลังจากนั้นอีก 1 ปี เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2565 ราคาหุ้น SABUY ทะยานขึ้นไปปิดสูงสุดที่ 36.75 บาท

ขณะที่ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น  SABUY ย้อนหลัง 1 ปี ณ วันที่ 13 มีนาคม 2566 อยู่ที่ระดับ 11.70 บาท โดยในช่วงวันที่ 22 เดือนพฤษภาคม ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดในรอบ 1 ปีย้อนหลังที่ระดับ 12.70 บาท หลังจากนั้นราคาหุ้นจะมีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบัน วันที่ 12 มีนาคม 2567 ณ เวลา 15.45 น. ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 4.92 บาท ราคาหุ้นปรับตัวลดลงไปกว่า 6.78 บาท จากเมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน