บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด ประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (18- 22 มี.ค.67 ) ดัชนีหุ้นไทย (SET index) มีแนวรับอยู่ที่ 1,375 และ 1,365 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,400 และ 1,415 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (19-20 มี.ค.) และทิศทางเงินทุนต่างชาติ (Flow)
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านใหม่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ. ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ (เบื้องต้น) เดือนมี.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม BOJ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ (เบื้องต้น) เดือนมี.ค. ของยูโรโซน อังกฤษ และญี่ปุ่น ตลอดจนการกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR เดือนมี.ค. และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนม.ค.-ก.พ. ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม
สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย ( 11-15 มี.ค.67)
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคจากความกังวลว่าเฟดจะตรึงดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน หุ้นไทยย่อตัวลงเล็กน้อยในช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคท่ามกลางสัญญาณระมัดระวังของนักลงทุนระหว่างรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.พ. ของสหรัฐฯ อย่างไรก็ดีหุ้นไทยกลับมาปรับตัวขึ้นช่วงกลางสัปดาห์ โดยมีแรงหนุนจากการกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์และหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งมีปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้น หุ้นไทยย่อตัวลงอีกครั้งในช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค หลังจากดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.พ. ของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งส่งผลทำให้ตลาดกังวลว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับสูงเป็นเวลานาน
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 11-15 มี.ค. 2567 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 4.9 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 11,670 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 11,170 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 500 ล้านบาท)
ในวันศุกร์ที่ 15 มี.ค.67 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,386.04 จุด ลดลงเล็กน้อย 0.03% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 42,227.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.16% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 2.10% มาปิดที่ระดับ 418.76 จุด