นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยในช่วงไตรมาส 1/2567 มีทิศทางการขยายตัวที่ดีขึ้นกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน และดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า หลักๆ เป็นผลมาจาการกลับมาท่องเที่ยวไทยของชาวต่างชาติ ซึ่งในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ ตัวเลขนักท่องเที่ยวขยายตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับกว่า 9.3 ล้านราย สะท้อนต่อภาพรวมกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศไทยที่ดีขึ้น
ประกอบกับจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมถึงความเป็นไปได้ในการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ทำให้ภาคการอุปโภคและบริโภคในประเทศมีการขยายตัว ทั้งนี้ ทางฝ่ายคาดการณ์ว่าการใช้จ่ายในประเทศจะดีกว่าคาด โดยคาดกำไรปกติของกลุ่มค้าปลีกจะเติบโต 13.6% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนในปีนี้ นำโดย CPALL ปัจจุบัน กลุ่มค้าปลีกซื้อขายที่ -2SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี ย้อนหลัง ด้วยสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติที่ต่ำ ดังนั้น หุ้น Top pick ของทางฝ่าย จึงเป็น CPALL โดยคงคำแนะนำกลุ่มค้าปลีกที่ OVERWEIGHT
ประเด็นการปรับ "ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ" ที่จะเกิดขึ้นรอบใหม่ในเดือนเมษายน 2567 นี้ ทางฝ่ายมองว่ามีทั้งผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบ โดยในเชิงบวก คือ การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะทำให้ประชาชนโดยเฉพาะในภาคบริการมีรายได้ที่มากขึ้น มีความสามารถในการจับจ่ายใช้สอย การชำระหนี้สินที่ดีขึ้น มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจในประเทศได้มากขึ้น
ขณะที่แง่ลบ คือ ค่าแรงขั้นต่ำที่ถูกปรับขึ้น หากว่าขยายเป็นวงกว้างไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ คาดว่ากลุ่มค้าปลีกอาจได้รับผลกระทบด้านต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะพนักงานแคชเชียร์ และพนังงานส่วนอื่นๆ ในกาคบริการของกลุ่มค้าปลีก ไม่ใช่กลุ่มที่มีทักษาะพิเศษ เหมือนกลุ่มโรงแรม หรือรับเหมาก่อสร้าง
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กลุ่มค้าปลีก ให้น้ำหนักการลงทุน ‘BULLISH’ จากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เดือนมกราคม 2567 กลุ่มขายสินค้าจำเป็น (Staple Product) บวกน้อยลงเหลือ 0.5% จาก 2% จากเดือนก่อน ผลจากการเหลื่อมตรุษจีนกับปีก่อน โดยปี 2567 ตรงกับวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 เทียบกับปี 2566 ตรงกับวันที่ 22 มกราคม 2567 และกำลังซื้อกลุ่มรากหญ้าถูกฉุดจากงบประมาณภาครัฐล่าช้า
CPALL มี SSSG ดีสุด 2-3% ใกล้เคียงกับไตรมาส 4/2566 หนุนจากบรรยากาศการท่องเที่ยวที่ดีต่อเนื่อง และได้อานิสงส์จาก Easy e-receipt หลังปีนี้มีหลายร้านค้าไม่เข้าร่วมโครงการ รองลงมา คือ CPAXT (ร้าน MAKRO โต 0.5% จาก 2% ในไตรมาส 4/2566 และ Lotus’s โต 2-3% จาก 5% ในไตรมาส 4/2566) ในขณะที่ BJC ดูอ่อนแอสุด โดย SSSG ลดลง 1-2% จาก 0% ในไตรมาส 4/2566
ฝ่ายวิจัยมอง ‘NEUTRAL’ ต่อทิศทาง SSSG มกราคม 2567 ของกลุ่มค้าขายสินค้าจำเป็น (BJC,CPALL,CPAXT) แม้จะบวกลดลงจากเดือนธันวาคม 2566 แต่ไม่เหนือความคาดหมายของฝ่ายวิจัย เพราะให้น้ำหนักมาจากการเหลื่อมช่วงเทศกาลตรุษจีนเป็นสำคัญ ในเชิงปัจจัยพื้นฐาน ฝ่ายวิจัยยังคงมุมมองคล้ายเดิมโมเมนตั้มไตรมาส 4/2566 ฟื้นแต่ยังไม่เด่น
ขณะที่ทิศทางกำไรปี 2567 ของกลุ่มค้าปลีก คาดโต 26% ดังนั้น จึงคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มค้าปลีก ‘BULLISH’ เลือก CPALL (ประเมินราคาเป้าหมายที่ระดับ 76.00 บาท) และ CPAXT(ประเมินราคาเป้าหมายที่ระดับ 34.00 บาท) เป็น top picks กลุ่ม