นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า มูลค่าการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 2/2567 นั้นคาดการณ์ว่า ไม่หวือหวามากนัก เนื่องจากตามปกติแล้ว ไตรมาส 2 ของทุกปีจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของ SET โดยตลาดหุ้นไทยจะมีการปรับตัวที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป เพราะเป็นการเข้าสู่ไฮซีซั่น อย่างไรก็ดี มองว่าในช่วงไตรมาส 2 เป็นช่วงโอกาสของการลงทุน
เนื่องจากเป็นไตรมาสแห่งความคาดหวังและรอเก็บเกี่ยวผลในช่วงครึ่งปีหลังที่คาดการณ์ว่าตลาดทุนไทยและเศรษฐกิจจะมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งนี้ ทางฝ่ายมองว่าจากสถานการณ์ที่ค่อนข้างผันผวนของตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือนเมษายน 2567 เป็นโอกาสที่นักลงทุนจะเข้าไปลงทุนได้ มองกลุ่มที่ น่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มที่ได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย แนะนำ AEONTS ขณะที่อสังหาริมทรัพย์ ที่มองว่ามูลค่าหุ้น (Valuation) ไม่แพงและได้ผลตอบแทนที่ดีทางฝ่ายชอบ SPALI และ AP
ในส่วนของอานิสงส์เงินบาทอ่อนกลุ่มอาหาร ได้แก่ BTG และ TFG ขณะที่กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีขึ้น AOT BA ERW และBDMS สำหรับกลุ่มอุปโภค-บริโภคในประเทศ (ไม่นับรวมเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต ที่จะมาในช่วงปลายปี) ได้แก่ CPALL และ CPAXT เป็นต้น มีความน่าสนใจในการลงทุน โดยคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 2/2567 ทางฝ่ายคาดการณ์ว่าแนวรับจะอยู่ที่ระดับ 1300-1350 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ระดับ 1400-1430จุด และมีโอกาสไปถึง 1500 จุดในช่วงครึ่งปีหลัง
นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรีนีตี้ วัฒนา จํากัด (มหาชน)หรือ TNITY กล่าวว่า มูลค่าการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 2/2567 คาดว่าภาพรวมจะมีทิศทางที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 ที่ผ่านมา เนื่องจากตัวเลขสภาพคล่องภายใน (M2) เริ่มฟื้นตัวในระบบที่อ่อนแอมาก แต่คงไม่ได้เห็นการฟื้นตัวอย่างหวือหวามูลค่าการซื้อขายอาจยังอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันกับไตรมาสแรกที่ผ่านมา
อีกทั้งในช่วงไตรมาส 2/2567 มีวันหยุดยาวเทศกาลทำให้วันทำการซื้อขายมีน้อย โดยคาดว่าการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยจะแสดงผลให้เห็นภาพอย่างชัดในช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 นี้เป็นต้นไป ก็ต้องรอดูว่าจะเป็นไปในทิศทางใด มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเบิกจ่ายงบประมาณปีนี้ของภาครัฐจะทำให้เกิดขึ้นเร็วมากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ดี ปีนี้คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะอยู่ที่ระดับ 1500 จุด ส่วนในไตรมาส 2/2567 ก็มีโอกาสที่ดัชนีจะขึ้นไปอยู่ที่ระดับเหนือ 1400 จุดได้ และคงไม่ปรับตัวกลับมาลดลงมาต่ำระดับ 1300 จุดซึ่งเป็นจุดต่ำสุดแล้ว