ดัชนีหุ้นไทย ตั้งแต่ต้นปี 67 มา YTD ปรับตัวลดลง 3.24% จากสิ้นปี 66 ที่ดัชนี SET ปิดระดับ 1,415.85 จุด เทียบล่าสุด ( 3 พ.ค.67) ปิด 1,369.92 จุด โดยดัชนี SET ทำจุดต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี 5 เดือน ที่ 1,332.08 จุด ( 19 เม.ย.67)
ในขณะที่หุ้นใหญ่บิ๊กแคป ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของนักลงทุน ในส่วนของ 10 อันดับหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปสูงสุด มูลค่าเกิน 3.5 แสนล้านบาทอัพ "ฐานเศรษฐกิจ" ได้รวบรวมข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ณ วันที่ 3 พ.ค.67 พบว่ามี 5 หลักทรัพย์ ส่วนใหญ่เป็นหุ้นกลุ่มบริโภค-โรงพยาบาล ให้ผลตอบแทนราคา YTD เป็นบวก โดยหุ้น CPAXT ให้ผลตอบแทนราคาสูงสุดถึง +23.15% และมี 4 หลักทรัพย์ที่ผลตอบแทนติดลบ โดยหุ้น DELTA ผลตอบแทนราคาปรับลดลงสูงสุด -20.45% ส่วนหุ้น SCB ราคาไม่เปลี่ยนแปลง รายละเอียดดังนี้
PTT : บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)
AOT : บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
DELTA : บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน)
ADVANC : บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)
PTTEP: บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
GULF: บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
CPALL : บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)
BDMS: บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน)
SCB: บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน)
CPAXT :บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน)
บล.กรุงศรี พัฒนสิน : ประเมินหุ้น DELTA ประเด็นสำคัญจากประชุมนักวิเคราะห์ 29 เม.ย.67 ซึ่งเรามองทั้งบวกและลบ ว่าราคาหุ้น DELTA ที่ปรับตัวลงเกิดจาก 1) งบ 1Q24 ต่ำกว่าคาด 2) ค่าใช้จ่ายพิเศษ Technical fee ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้นักวิเคราะห์กังวล downside ของประมาณการ 3) GPM ลดลงกว่าคาดจากการด้อยค่าวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูป กังวลว่าจะมีเพิ่มอีก
อย่างไรก็ตาม เรามองว่าตลาดอาจจะกังวลมากเกินไป เพราะเราเห็นมุมบวกคือ 1) ค่า technical fee ที่แนวโน้มเพิ่มขึ้นเพราะผลิตสินค้าเกี่ยวข้อง AI มากขึ้น ซึ่งดีต่ออนาคตของ DELTA และยังเป็นสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง 2) ปัจจัยลบเรื่องด้อยค่าวัตถุดิบจะไม่เกิดใน 2Q24F 3) ยอดขายมีแนวโน้มฟื้นตัว เราอยู่ในระหว่างการทบทวนประมาณการและราคาเป้าหมายของ DELTA
ด้านบล.กรุงศรี : ประเมินหุ้น CPAXT โดยให้มุมมอง"เป็นกลาง" ต่อแนวโน้มกำไรปกติ1Q24F คาดที่ 2.47พันลบ. (+14% y-y แต่ -25%q-q ตามฤดูกาล) แม้จะต่ำากว่าคาดเดิมแต่ยังคงโต y-y ดีกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มหนุนจาก 1.) ธุรกิจโลตัสส์ฟื้นตัวเด่นบวกกับ 2.) ดอกเบี้ยจ่ายลงทั้งนี้มีเพียงธุรกิจแมคโครที่มีแรงกดดันการทยอยเปิด DC ใหม่โดยเราประเมินจะดีขึ้นใน 2H24F หลังถูกใช้งานเต็มรูปแบบในขณะที่โมเมนตั้มกาไร2Q24F คาดโต y-y เร่งขึ้นตามGPM โลตัสส์ที่ลุ้นจะโต y-yจึงคงกำไรปกติปี 24F ที่ 1.09 หมื่นล้านบาท จะโตเร่งขึ้น+26% (vs ปี 23+12%) นอกจากนั้นในระยะยาวเรายังมองบวกต่อการประกาศควบรวมแมคโคร (CPAXT) กับโลตัสส์ (EK-chai) เป็นบริษัทใหม่ช่วง 4Q24F
คงคำแนะนำ " ซื้อ" เลือก CPAXT เป็นหุ้นเด่นกลุ่ม โดยคงราคาเป้าหมายปี 24Fที่ 39.00 บาท คู่กับ CPALL ซึ่งเป็นหุ้นเด่นในกลุ่มอีกตัว ให้ราคาเป้าหมาย 76.00 บาท