นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมธุรกิจและอุตสาหกรรมก่อสร้างในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2567 เนื่องจากคาดว่าจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ จะทำให้การส่งมอบงานโครงการที่มีในมือสามารถรับรู้ได้เข้ามาได้ตามแผน รวมถึงเชื่อว่าภาครัฐจะเดินหน้าขยายการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ ออกมาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งมองว่าจะเป็นโอกาสให้กับบริษัทมากขึ้นในการเข้าประมูลงาน โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ อาทิ งานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่, งานประเภทรถไฟความเร็วสูง และ งานถนน ที่คาดการณ์มูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท พร้อมกันนี้ ปัจจุบันบริษัทยังมีงานที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาอีกประมาณ 8 โครงการ มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท ได้แก่ งานถนน และงานก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่างานในมือ (Backlog) ของบริษัทในช่วงสิ้นปี 2567 เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 30,000 ล้านบาท
จากปัจจุบันมี Backlog แล้ว จำนวน 22,538 ล้านบาท เบื้องต้นคาดว่าจะทยอยรับรู้เข้ามาเป็นรายได้ปี 2567 นี้ ไม่น้อยกว่า 6,280 ล้านบาท โดยบริษัทมีแผนส่งมอบงานในมือจำนวน 5 โครงการ ได้แก่ โครงการอ่างเก็บน้ำคลองสังข์, โครงการพัฒนาคูน้ำวิภาวดี ตอน 2, โครงการก่อสร้างสนามบินลำปาง สนามบินหัวหิน และ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่บางสะพานน้อย-ชุมพร มูลค่ารวม 3,300 ล้านบาท จากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้ในปัจจุบันบริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมในปีนี้ไว้ที่ 6,500 ล้านบาท
โดยธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเป็นธุรกิจหลักของบริษัทนั้น บริษัทมีการบริหารจัดการด้วยเทคโนโลยี อาทิ โปรแกรม Power BI (Business Intelligence), HR Tech และ ระบบ RPA (Robotic Process Automation) ซึ่งปัจจุบันดำเนินการเต็มประสิทธิภาพ สามารถบริหารขั้นตอนงานก่อสร้างด้วยความรวดเร็ว และส่งมอบงานได้ตามกำหนดเวลา
ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากงานรับเหมาก่อสร้าง 95% งานอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับงานก่อสร้าง 5% โดยตั้งเป้าในปี 73 สัดส่วนงานอื่นๆ จะเพิ่มเป็น 20% ซึ่งธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับงานก่อสร้าง บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความหลากหลายมากขึ้น อาทิ ธุรกิจยานยนต์เชิงพาณิชย์ (EV) โครงการ PPP เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ยังเพิ่มโอกาสการเติบโตในส่วนธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และเครื่องจักรก่อสร้างให้เช่า รวมไปถึงการต่อยอดธุรกิจวัสดุก่อสร้างของบริษัท ซึ่งทั้งหมดจะเริ่มเห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งหลังปี 2567 นี้ เป็นต้นไป อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงมีความสนใจในการลงทุนต่อยอดธุรกิจหลักที่มีให้สามารถเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพและโตอย่างยั่งยืนในอนาคตอีกด้วย ซึ่งก็อาจต้องใช้เวลาในการศึกษาอีกระยะหนึ่ง
"ภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ผ่านมาถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง แต่สิ่งที่ทำให้ CIVIL มีความแตกต่างคือการรักษาต้นทุนการก่อสร้างให้อยู่ในระดับที่ดี และ การมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง สามารถดูแลผู้ที่เกี่ยวข้องภายใต้การดำเนินงานทั้งหมด อีกทั้งการมุ่งเน้นพัฒนาประสิทธิภาพงานรอบด้าน ทั้งในแง่การบริหารโครงการให้เป็นไปตามกำหนดเวลาภายใต้ข้อจำกัดด้านพื้นที่ก่อสร้าง รวมไปถึงการมี Backlog ที่สร้างการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง"