มิสแกรนด์ ฯ หรือ MGI ภายใต้การบริหารของ" บอส ณวัฒน์ อิสรไกรศีล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สร้างการเติบโตทางธุรกิจในปีที่ผ่านมาเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 100% และในปี 2567 ถือเป็นโจทย์ท้าทายในสถานการณ์เศรษฐกิจและกำลังซื้อไม่เอื้อ
ณวัฒน์ เปิดใจให้สัมภาษณ์ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าหลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ ฯ (14 ธ.ค.66) MGI โฟกัสการเติบโตมากขึ้น โดยในปีนี้ตั้งเป้าหมายเติบโตของรายได้เพิ่ม 100% (YoY) เป็น 1,200 ล้านบาท จากสิ้นปี 2566 ที่อยู่ระดับ 617 ล้านบาท โดยไตรมาส 2 ( เม.ย.- มิ.ย.67) จะรายงานแจ้งตลท.ในเร็ว ๆ นี้ คาดทำกำไรเกิน 100% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ( YOY) พีคกว่าไตรมาส1/ 67 มาก เพราะรับรู้รายได้จากธุรกิจประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ รายได้ค่าลิขสิทธิ์ 77 จังหวัด ส่วนการจัดประกวด"มิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนล" ซึ่งมี 90 ประเทศที่เข้าร่วม จะจัดขึ้นในเดือนต.ค.ของทุกปี ก็จะรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/67
ส่วนไตรมาส 3/67 ปกติรายได้จะน้อยกว่าไตรมาส 2/67 บริษัทจึงพยายามดันรายได้ ด้วยการจัดอีเวนต์ใหม่ ๆ ตลอดทั้งปี เช่นในวันที่ 17 ส.ค.นี้ Concert Charlotte Possible2 ที่จัดปีละ 1 ครั้ง, การประกวดแกรนด์ แดนเซอร์ MGI ซึ่งจะประกาศรอบสุดท้าย 21 ก.ค.นี้ และโปรเจคภาพยนตร์ที่จะฉายในประเทศและต่างประเทศ " The Paradise of Thorns" นำแสดงโดย อิงฟ้า วราหะ กับ เจฟ ซาเตอร์ และจัดอีเวนต์โชว์ศิลปินในต่างจังหวัดมากขึ้น ตัวอย่าง "สแน็ก อัจฉรีย์" กับ "เบิ้ล ปทุมราช" ที่กำลังมีเพลงใหม่ด้วยกัน
รวมถึงการขยายช่องทางจำหน่ายสินค้า นอกเหนือจากการจัดกิจกรรมให้ผู้ประกวดมิสแกรนด์ขายสินค้าของบริษัทฯ ผ่านช่องทาง TikTok ยอดขายเฉลี่ยปีละ 200-300 ล้านบาท หรือเดือนละ 20-25 ล้านบาท ในส่วนของบริษัทร่วมทุนคืิ KMGI ( ร่วมทุนระหว่าง MGI กับบมจ.คาร์มาร์ท ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 ) ซึ่งจำหน่ายสินค้ากลุ่มเครื่องสำอางค์ในชื่อ "BEAUTILOX" ปัจจุบันลงที่สาขาของวัตสัน ในเดือนส.ค.นี้จะขยายเพิ่มลงที่ 7-ELEVEN กว่า 3,000 สาขา
สร้างโมเดล Girl’s Love ดึงพลังซื้อ
ณวัฒน์ กล่าวต่อ กลยุทธ์ธุรกิจปีนี้ MGI มุ่งมั่นว่าจะเป็นผู้นำตลาด "กลุ่มยูริ" หรือกลุ่มหญิงหญิง ด้วยการผลักดันสร้างโมเดล Girl’s Love เพราะเรามองว่าเป็นกลุ่มที่มีพลังในการซื้อสูงสุด จึงให้น้ำหนักในปีนี้ให้มากขึ้น เช่นที่เคยทำมาตั้งแต่ปี 2565 มี "อิงฟ้า-ชาล็อต" และ "อุ้ม - มีนา" ที่กำลังมีซีรีส์ด้วยกัน หรือภาพยนตร์ซีรีส์แนวยูริ เรื่อง"หยดฝน กลิ่นสนิม" ที่ทำกับทีวีธันเดอร์ ที่มี อิงฟ้า-ชาล็อต แสดง เป็นต้น
โครงสร้างรายได้ของ"มิสแกรนด์" ปัจจุบันเป็นธุรกิจพาณิชย์ (Commerce) สัดส่วน 48% จากการจัดจำหน่ายสินค้าที่มีมากกว่า 40 ตัว ( ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทได้แก่ “Miss Grand MGI” เช่น น้ำหอม,อาหารเสริม, กาแฟลดน้ำหนัก,คอลลาเจน และภายใต้เครื่องหมายการค้า “NangNgam” เช่น เซรั่มทาหน้า, เซรั่มทาคอ ) บริษัทฯ จะเพิ่มรายได้ดันสัดส่วนเป็น 50% เนื่องจาก MGI เข้าตลาดอยู่ในหมวดคอมเมิร์ส ไม่ใช่ธุรกิจเอนเตอร์เทรนเมนท์ จึงต้องข้าม 50% ให้ได้ เพื่อให้เป็นไปตามกฏของตลท.
ส่วนรายได้จากธุรกิจบริหารจัดการศิลปิน และธุรกิจประกวดนางงามมิสแกรนด์ มีสัดส่วนละ 15% ที่เหลืออีกประมาณ 20% เป็นรายได้จากธุรกิจสื่อและบันเทิง อาทิการรับจัดคอนเสิร์ต, ซีรีย์ ,การจัดแข่งแดนเซอร์ รวมกับรายได้อื่น ๆ ค่าเช่าช่วง MGI Hall 5% โดยเป้าหมายรายได้ปีนี้ 1,200 ล้านบาท จะมาจากยอดขายหรือธุรกิจพาณิชย์ราว 800 ล้านบาท
เล็งต่อยอดสู่ธุรกิจ"คลินิกความงาม"
สำหรับแผนลงทุนในช่วงครึ่งหลังปีนี้ ณวัฒน์ กล่าวว่าบริษัทยังมีสภาพคล่องเหลือจาก IPO เนื่องจากลงทุนสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ 2 ตึก มูลค่า 200 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ทาวน์อินทาวน์นั้น ได้ชำระเงินสดไปก่อนหน้านั้นแล้ว 135 ล้านบาท และเป็นค่าตกแต่งอีก 50-60 ล้านบาท จากเงิน IPO โดยจะเริ่มเข้าอยู่ในเดือนสิงหาคมปีนี้ และเปิดตัวสำนักงานแห่งใหม่อย่างเป็นทางการ พร้อมตัวอาคารที่ 2 บริเวณเดียวกันในเดือนกันยายนนี้ ดังนั้นจึงยังมีเงิน IPO เหลืออีกราว 100 กว่าล้านบาท
ณวัฒน์ กล่าวยอมรับว่า อยู่ระหว่างการศึกษาที่จะต่อยอดสู่ธุรกิจ "คลินิกความงาม" เนื่องจากมีความพร้อมทั้งพรีเซนเตอร์นางงาม และหมอเฉพาะด้านที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักหลายท่าน คาดว่าใช้เงินลงทุนไม่มาก (ไม่รวมค่าที่) ราว 40 ล้านบาท หากมีความคืบหน้าชัดเจนจะแจ้งให้ทราบต่อไป
ส่วนการที่บริษัทฯ เข้าลงทุนถือหุ้น บมจ.สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY เมื่อต้นเดือนเม.ย.67 สัดส่วน 1.70% จำนวน 30,000,000 หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 4.5 บาท คิดเป็นเงินลงทุน 135 ล้านบาท แม้ว่าปัจจุบันราคาหุ้น SABUY จะปรับลดลง ( ปิดราคา 5 ก.ค.67 ลงมาอยู่ระดับ 0.85 บาท) นายณวัฒน์ กล่าวว่า เป็นการบันทึก "การลงทุนมีไว้เพื่อขาย" จึงไม่ส่งผลกระทบต่องบการเงิน กำไรขาดทุนของบริษัทฯ แต่อย่างใด