GULF จัดทัพพร้อมลุยธุรกิจดิจิทัลเต็มสูบ

19 ก.ค. 2567 | 00:00 น.

GULF จัดทัพรุกธุรกิจดิจิทัลเต็มสูบ ควบ INTUCH ลดความซ้ำซ้อน ดันมาร์เก็ตแค็ปพุ่ง 7.81 แสนล้านบาท ขึ้นแท่นอันดับ 4 ตลาดหุ้นไทย ส่งผลอัตราหนี้สินต่อทุนลดลง มีพื้นที่กู้เพิ่มลุยธุรกิจใหม่ผลักดันบริษัทฯ ขึ้นชั้นระดับโลก แถม NewCo เข้าถือหุ้น ADVANC ตรง สั่งการเร็วขึ้น 

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF และบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ช่วงคํ่าวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 เพื่อควบรวมกิจการ โดยทั้งสองบริษัทตกลงเข้าทำรายการคือ

  1. ควบบริษัทระหว่าง GULF และ INTUCH และจัดตั้งเป็น “บริษัทใหม่” (NewCo) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
  2. ทําคําเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดโดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไข (Conditional Voluntary Tender Offer หรือ VTO) ในหุ้นสามัญของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC)
  3. ทำ VTO ในหุ้นสามัญของบริษัท ไทยคม (THCOM)

 GULF จัดทัพพร้อมลุยธุรกิจดิจิทัลเต็มสูบ

สำหรับการควบรวมกิจการดังกล่าว จะมีอัตราการจัดสรรหุ้นใน NewCo ให้กับผู้ถือหุ้นของ GULF และ INTUCH คือ

  • 1 หุ้น GULF ต่อ 1.02974 หุ้นใน NewCo
  • 1 หุ้น INTUCH ต่อ 1.69335 หุ้นใน NewCo (ไม่รวมหุ้น 47.37% ใน INTUCH ที่ถือโดย GULF เนื่องจากได้รับการจัดสรรโดยตรงให้แก่ผู้ถือหุ้น GULF) 

หลังจากได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นและก่อนการควบรวมบริษัท จะมีการทำคำเสนอซื้อในช่วงเวลาประมาณ ไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ถึงไตรมาส 1 ปี 2568 ประกอบด้วย

  • การทำคำเสนอซื้อหุ้น 36.25% ในหุ้นสามัญของบริษัท ADVANC โดย GULF, INTUCH และ Singtel Strategic Investments Pte. Ltd. (SSI) และนายสารัชถ์ รัตนาวะดี ที่ราคา 216.3 บาท/หุ้น เป็นมูลค่ารวมประมาณ 233,201 ล้านบาท
  • การทำคำเสนอซื้อหุ้น 58.86% ในหุ้นสามัญของบริษัท THCOM โดย GULF, บริษัท กัลฟ์ เอดจ์ จำกัด (บริษัทย่อยของ GULF), INTUCH และนายสารัชถ์ รัตนาวะดี ที่ราคา 11.0 บาท/หุ้น เป็นมูลค่ารวมประมาณ 7,097 ล้านบาท

มาร์เก็ตแค็ป7.81แสนล้าน
การควบรวมกิจการดังกล่าว ส่งผลให้มูลค่ามาร์เก็ตแคปบริษัทใหม่ หรือ NewCo อยู่ที่พุ่งขึ้นเป็นกว่า 7.81 แสนล้านบาท( ณ 17 ก.ค.67) เป็นอันดับ 4 ในตลาดหุ้นไทย แซงหน้า ADVANC ที่มีมาร์เก็ตแค็ป 6.66 แสนล้านบาทเป็นรองเพียง DELTA  1.18 ล้านล้านบาทPTT 9.28 แสนล้านบาท และ AOT 8.21 แสนล้านบาท 

ขณะเดียวกัน NewCo จะเข้าถือหุ้นโดยตรงใน ADVANC ซึ่งจะทำให้การตัดสินใจบริหารจัดการได้เร็วขึ้น และมีความยืดหยุ่นมากขึ้นและสามารถกำหนดทิศทางกลยุทธ์ได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจดาต้าเซนเตอร์, ธุรกิจคลาวด์ และธุรกิจธนาคารไร้สาขา ซึ่งเป็นขยายธุรกิจจากพลังงานมาด้านดิจิทัลมากขึ้น 

NewCoเพิ่มศักยภาพผู้นำ

ต่อมานายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GULF ได้ประชุมนักวิเคราะห์ เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการควบรวมกิจการดังกล่าวว่า GULF เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ INTUCH และ THCOM  จึงได้ศึกษาแนวทางเลือกหลายแนวทางในการจัดโครงสร้างการถือหุ้นในกลุ่ม GULF และในกลุ่ม INTUCH รวมถึง ADVANC และ THCOM ให้เหมาะสม ซึ่งการควบรวมดังกล่าวน่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ทั้งสองบริษัทและผู้ถือหุ้นทุกฝ่าย 

ายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GULF

รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มศักยภาพการเป็นผู้นำในการขยายธุรกิจพลังงาน และธุรกิจโทรคมนาคม โดยธุรกิจพลังงานมุ่งขยายสู่พลังงานหมุนเวียน ส่วนธุรกิจโทรคมนาคมจะเน้นต่อยอดธุรกิจดิจิทัลมากขึ้น  ซึ่ง NewCo จะเป็นบริษัทมหาชนแห่งแรกของไทยที่ดำเนินงานเต็มรูปแบบในระบบนิเวศของพลังงานสีเขียวและผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ บริการเทคโนโลยีคลาวด์  

“นอกจากได้ประโยชน์จากความต้องการไฟฟ้าที่สูงขึ้นและแนวโน้มการเติบโตอย่างรวดเร็วของดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งความเชี่ยวชาญหลักของ GULF คือธุรกิจพลังงานและความเชี่ยวชาญหลักของ ADVANC คือศูนย์ข้อมูล ซึ่งจะช่วยให้ใช้ประโยชน์จากความร่วมมือทางธุรกิจที่มีอยู่กับ Google และ Oracle ได้มากขึ้น” นายสารัชถ์ระบุ

ขณะเดียวกัน หลังการควบรวมยังทำให้ความสามารถในการก่อหนี้เพิ่มขึ้นด้วย โดยณ สิ้นไตรมาส 1/67 อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของ GULF และ INTUCH อยู่ที่ 1.7 เท่า และ 0.9 เท่า หลังการควบรวม NewCo จะมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงเหลือประมาณ 0.9 เท่า ตํ่ากว่าข้อกำหนดของธนาคารที่ 3.5 เท่า และเกณฑ์การควบรวมที่ 2.0 เท่า ผลที่ตามมาคือ จะมีวงเงินกู้เพิ่มเติมราว 1.5-2 แสนล้านบาท 

นอกจากนี้ INTUCH จะจ่ายเงินปันผลให้ GULF เท่ากับ 4.5 บาทต่อหุ้น รวมประมาณ 6.80 พันล้านบาท ซึ่ง GULF จะนำเงินปันผลที่ได้รับไปชำระคืนหนี้ ส่งผลให้งบดุลของ NewCo จะมั่นคงยิ่งขึ้น รวมถึงกระแสเงินสดสุทธิ เพิ่มขึ้นจากการถือหุ้นเพิ่มขึ้นใน ADVANC 

ทั้งนี้ NewCo จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน ADVANC จากประมาณ 19% (ถือหุ้นทางอ้อม) เพิ่มเป็นประมาณ 40% หลังการควบรวมส่งผลให้ NewCo จะรับรู้ 1.กระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่สูงขึ้นจากราว 5 พันล้านบาท/ปีเป็นประมาณ 1 หมื่นล้านบาท/ปี และ 2.กำไรสุทธิที่สูงขึ้นประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี หลังจากรวมค่าตัดจำหน่ายคลื่นความถี่ 14 ปี ประมาณ 4,000 ล้านบาท/ปี 

การควบกิจการครั้งนี้นอกจากจะเชื่อมโยงธุรกิจให้เอื้อต่อกันจากธุรกิจพลังงานไปสู่ดิจิตัลแล้ว จะยังทำให้ฐานทุนแข็งแกร่งมากขึ้นและโฮลดิ้งที่ตั้งขึ้นใหม่จะไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้ แต่พร้อมจะมองหาธุรกิจใหม่ๆที่จะซื้อเข้ามาสอดรับ กับวิสัยทัศน์ของนายสารัชถ์ที่เคยเปรยในหลายเวทีหลายวาระที่ต้องการผลักดันให้บริษัทไทยขึ้นไปยืนแทรกตัวแถวหน้าในระดับโลก 

GULF มุ่งเน้นธุรกิจดิจิทัล
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ส่วนตัวมองว่า การควบรวมดังกล่าวเป็นผลบวก โดยหลักๆ เพื่อลดความซํ้าซ้อนในการดำเนินงาน เพราะทั้ง GULF และ INTUCH ต่างก็เป็นโฮลดิ้งส์ คอมพานี (Holding Company) อีกทั้งผลประโยชน์ใหม่ที่จะเกิดขึ้นหลังควบรวมกิจการเป็นบริษัทใหม่นั้นมีสูงขึ้น

ายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย)

ทั้งนี้ หากการควบรวมกิจการแล้วเสร็จ สัดส่วนผู้ถือหุ้นแบ่งออกเป็น กลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ GULF 59.72%, Singtel 9.08% และ ผู้ถือหุ้นอื่น 31.20% แม้ว่าทาง Singtel จะมีสัดส่วนการถือหุ้นที่ลดลงเมื่อเทียบกับตอนี่ถือหุ้น INTUCH ที่ประมาณ 24.99% แต่เชื่อว่า การที่จะจัดตั้งบริษัท NewCo.ขึ้นมาใหม่ได้นั้น ทั้ง 3 ฝ่ายจะต้องบรรลุข้อตกลงร่วมกันมาแล้ว

“ดูเหมือนว่าท่าทีของ Singtel จะค่อนข้างพอใจกับข้อตกลง เพราะหากกลับไปย้อนดูในช่วงอดีต Singtel มีท่าทีที่จะพยายามลดสัดส่วนการถือหุ้นของ INTUCH ให้ลดลง แต่พอมีผู้ถือหุ้นรายใหม่เข้ามาก็เหมือนจะมีเรื่องน่าตื่นเต้นให้ได้ลอง” นายกิจพณกล่าว

ขณะเดียวกัน หลังจัดตั้งบริษัทใหม่แล้วเสร็จ GULF ก็กลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน ADVANC ซึ่งแน่นนอนว่า ผลตอบแทนที่ตามมาย่อมสูงกว่าเมื่อได้รับปันผลผ่านการถือหุ้นใน INTUCH 

อย่างไรก็ดี ก็มีความเป็นไปได้ที่จากนี้ GULF จะเข้ามามุ่งเน้นธุรกิจด้านดิจิทัล โทรคมนาคม และการสื่อสารที่เพิ่มมากขึ้น โดยอาจใช้ ADVANC เป็นหัวหอกในการขยายธุรกิจในประเทศใกล้เคียงและในภูมิภาคนี้ ที่ก็จะทำให้ Singtel มีความสามารถในการขยายตลาดใหม่ๆ ร่วมไปด้วย จากปัจจุบันที่มีการลงทุนแค่เพียงในประเทศไทยและอินโดนีเซียเท่านั้น  

ทั้งนี้ เมื่อช่วงเดือนมิ.ย. 2567 GULF ได้ประกาศความร่วมมือกับบริษัท กูเกิ้ล เอเชีย แปซิฟิก จำกัด (Google) เพื่อดำเนินธุรกิจการให้บริการระบบ Google Distributed Cloud airgapped (GDC air-gapped) โดยจะเป็นผู้ดำเนินงานในฐานะ Managed GDC Provider ผ่านการให้คำปรึกษาและบริการจากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการจัดการดูแลระบบอย่างครบวงจร เพื่อต่อยอดในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของ GULF และผลักดันการเติบโตของระบบนิเวศโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในประเทศไทย

สะท้อนถึงเป็นไปได้ในการขยายธุรกิจไปสู่บริการด้านอื่นๆ ในระบบนิเวศของ Google cloud เช่น AI, cybersecurity ได้ต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตาม ประเด็นร้อนแรงอย่างการควบรวมกิจการในครั้งนี้ในระยะสั้นจะเป็นผลบวกต่อราคาหุ้น GULF และดีต่อ ADVANC ที่มองว่าราคาหุ้นในปัจจุบันเป็นพรีเมี่ยม ถูกกว่าหากตีมูลค่าเพิ่มจากโอกาสในการเติบโตที่จะเกิดขึ้นนอนาคต แต่อาจเป็นผลกดดันต่อราคาหุ้น INTUCH 

สร้าง Upside ราคาหุ้น GULF

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ นักกลยุทธ์การลงทุน กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการควบรวมกิจการระหว่าง GULF และ INTUCH มองว่าเป็นการหารกันอย่างลงตัว และช่วยสร้างประโยชน์ต่อยอดธุรกิจได้อีกมากในอนาคต แม้ว่า Singtel จะได้สัดส่วนการถือหุ้นที่ลดลงมาเหลือราว 9% แต่ก็ดูแฮปปี้ 

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ นักกลยุทธ์การลงทุน กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน)

ส่วนตัวเชื่อว่า GULF มีแผนทางธุรกิจที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า จากนี้จะเดินไปทางไหน ควบรวมกิจการไปเพื่ออะไร ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ทั้งธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ Data Center การสื่อสาร ดิจิทัล โทรคมนาคม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ Smart City และ Internet of Things (IoT) การลงทุนในเทคโนโลยี 5G และการพัฒนาบริการดิจิทัลรูปแบบใหม่ เป็นต้น อย่างไรก็ดี จากนี้ก็คงต้องรอดูกันต่อไปหลังจากที่มีการจัดตั้งบริษัทใหม่ NewCo. แล้วเสร็จ  

อย่างไรก็ดี ประเด็นดังกล่าวจะช่วยสร้าง Upside ให้กับราคาหุ้น GULF แต่อาจเป็นลบต่อ INTUCH อยู่บ้าง ส่วนตัวมองว่าในจังหวะที่ INTUCH ราคาย่อตัวก็ป็นโอกาสดีที่น่าเก็บไว้

หน้า 1 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 4,011  วันที่  21 - 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2567