แกะโครงสร้างรายได้ GULF ชูโรงธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติเด่น

18 ก.ค. 2567 | 12:01 น.
อัพเดตล่าสุด :18 ก.ค. 2567 | 12:01 น.

เปิดโครงสร้างรายได้ GULF ในไตรมาส 1/67 ที่ผ่านมา ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ หัวหอกสร้างผลงานเด่น ขณะที่ Core Profit จากบริษัทร่วมและการร่วมค้า INTUCH ยังเป็นตัวชูโรง

จากประเด็นร้อนแรงของการควบรวมกิจการครั้งใหญ่ มูลค่า 1.2 แสนล้านบาท ระหว่าง บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF และ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH และจัดตั้งเป็นบริษัทใหม่ (NewCo) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 

วัตถุประสงค์ควบรวมกิจการครั้งนี้ เพื่อปรับโครงสร้างของบริษัทที่เกี่ยวข้องให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการดำเนินการในการบริหารจัดการและการลงทุนในอนาคต รวมทั้งเพื่อลดความซ้ำซ้อนของโครงสร้างการถือหุ้นและต่อยอดโอกาสเติบโตในธุรกิจพลังงาน & โครงสร้างพื้นฐาน และธุรกิจดิจิทัล

ทั้งนี้ ฐานเศรษฐกิจได้ตรวจสอบข้อมูลโครงสร้างรายได้ GULF ในไตรมาส 1/67 พบว่า GULF มีรายได้รวมอยู่ที่ 32,280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.1% จากไตรมาสก่อนที่ 28,281 ล้านบาท และเติบโต 19.6% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 26,994 ล้านบาท

ที่มาของรายได้รวม

  • รายได้ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ 28,819 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/67 ที่ 24,857 ล้านบาท และเติบโต 18.7% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 24,272 ล้านบาท
  • รายได้ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน 869 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.6% จากไตรมาสก่อนที่ 745 ล้านบาท และเติบโต 59.5% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 545 ล้านบาท
  • รายได้ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค 1,133 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.8% จากไตรมาสก่อนที่ 873 ล้านบาท และเติบโต 68.2% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 674 ล้านบาท
  • รายได้ธุรกิจดาวเทียม (THCOM) 609 ล้านบาท ลดลง 3.3% จากไตรมาสก่อนที่ 629 ล้านบาท และลดลง 17.2% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 735 ล้านบาท
  • รายได้ค่าบริหารจัดการ 170 ล้านบาท ลดลง 69.7% จากไตรมาสก่อน 560 ล้านบาท และลดลง 9.1% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 187 ล้านบาท
  • รายได้อื่น 681 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% จากไตรมาสก่อนที่ 616 ล้านบาท และเติบโต 17.2% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน 581 ล้านบาท

ส่วนกำไรสุทธิในไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 4,023 ล้านบาท ลดลง 39.6% จากไตรมาก่อนที่ 6,658 ล้านบาท และหดตัว -22.5% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 5,192 ล้านบาท

แต่เมื่อคิดเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ ซึ่งรวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนและตราสารอนุพันธ์แล้วจะอยู่ที่ 3,499 ล้านบาท ลดลง 25.5% จากไตรมาสก่อน และหดตัวลง 9.1% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน

เนื่องจากในไตรมาสแรกปีนี้ GULF มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจากตราสารอนุพันธ์ รวม 653 ล้านาท

โดยมีกำไรก่อนหักค่าเสื่อมราคา ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBIDA) ในไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 9,427 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อนที่ 9,243 ล้านบาท และเติบโต 15.8% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน 8,143 ล้านบาท สำหรับกำไรจากการดำเนินงาน (Core Profit) ในไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 4,152 ล้านบาท ลดลง -1.6% จากไตรมาสก่อนที่ 4,217 ล้านบาท แต่เติบโต 13.2% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 3,668 ล้านบาท

ขณะที่ส่วนแบ่งกำไร Core Profit จากบริษัทร่วมและการร่วมค้า อยู่ที่ 2,640 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.5 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากได้รับส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก INTUCH รวมทั้งต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลงช่วยสนับสนุนกำไรของโรงไฟฟ้า 7SPPs ภายใต้กลุ่ม GJP และ PTT NGD ให้ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับโรงไฟฟ้า BKR2 ผลิตไฟได้มากขึ้นจากความเร็วลมที่ดีขึ้น และโรงไฟฟ้า DIPWP มีปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าและน้ำจืดที่มากขึ้นด้วย

ทั้งนี้ กำไร Core Profit ในไตรมาสแรกปีนี้ปรับตัวลดลง 17.3% จากไตรมาสก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลมาจาก INTUCH ที่มีส่วนแบ่งกำไรลดลง เพราะในไตรมาส 4/66 มีบันทึกกำไรพิเศษที่เกิดขึ้นครั้งเดียว และกำไรของ GGC อ่อนตัวลงจากความเร็วลมในพื้นที่ปรับตัวลดลง

ด้านฐานะการเงินของบริษัท ณ วันที่ 31 มี.ค. 67 GULF มีสินทรัพย์รวม 472,868 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.9% จากสิ้นปี 2566 ที่ 459,514 ล้านบาท ขณะที่มีหนี้สินรวม 324,563 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.9% จากสิ้นปี 66 ที่ 315,410 ล้านบาท

ส่วนอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิ (รวมหนี้สินตามสัญญาเช่า) ต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ต้องดำรงตามข้อกำหนดสิทธิ อยู่ที่ 1.70 เท่า ซึ่งยังต่ำกว่าเงื่อนไขและข้อตกลงที่กำหนดสำหรับหุ้นกู้บริษัทที่ 3.50 เท่า

สำหรับผลการดำเนินงาน 3 ปี ย้อนหลัง (2564-2566) มีรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 49,983.74 ล้านบาท 95,076.17 ล้านบาท และ 116,950.73 ล้านบาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 7,670.30 ล้านบาท 11,417.56 ล้านบาท และ 14,857.73 ล้านบาท ขณะที่ EBITDA อยู่ที่ 20,098.55 ล้านบาท 28,167.17 ล้านบาท และ 34,670.03 ล้านบาท ตามลำดับ

นอกจากนี้ งบกระแสเงินสดในช่วง 3 ปี ย้อนหลัง (2564-2566) ของ GULF ประกอบด้วย

  • เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน อยู่ที่ 14,014.71 ล้านบาท 11,277.63 ล้านบาท และ 18,294.68 ล้านบาท
  • เงินสดสุทธิจากกิจกรรมลงทุน อยู่ที่ -78,206.25 ล้านบาท -25,205.09 ล้านบาท และ -34,399.73 ล้านบาท
  • เงินสดสุทธิจากกิจกรรมจัดหาเงิน อยู่ที่ 68,128.14 ล้านบาท 33,277.08 ล้านบาท และ 15,628.38 ล้านบาท
  • เงินสดสุทธิ อยู่ที่ 3,936.60 ล้านบาท 19.349.62 ล้านบา  และ -476.66 ล้านบาท

ในแง่ของฐานะทางการเงิน 3 ปีย้อนหลัง (2564-2566) GULF

  • สินทรัพย์รวมอยู่ที่ 362,673.85 ล้านบาท 418,171.96 ล้านบาท และ 459,514.17 ล้านบาท,
  • หนี้สินรวมอยู่ที่ 255,164.71 ล้านบาท 282,370.43 ล้านบาท และ 315,409.71 ล้านบาท 

อนึ่ง ราคาหุ้น GULF ปิดตลาดวันที่ 18 ก.ค.2567 อยู่ที่ระดับ 44.75 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ 0.56% จากราคาปิดตลาดก่อนหน้าที่ 45.00 บาท ทังนี้ ในช่วงระหว่างวันราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 44.75 บาท ก่อนที่จะย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 44.00 บาท โดยมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 2,214.35 ล้านบาท