ราคาเนื้อสัตว์พุ่ง หนุนกำไรหุ้นกลุ่มอาหารไตรมาส 2/67 เด่น

10 ส.ค. 2567 | 02:30 น.
อัพเดตล่าสุด :10 ส.ค. 2567 | 02:30 น.

การบริโภคในประเทศที่ขยายตัวเพิ่ม ราคาเนื้อหมูและไก่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หนุนผลการดำเนินงานหุ้นกลุ่มอาหารในไตรมาส 2/67 เด่นกำไรแข็งแกร่ง โบรกชู BTG GFPT CPF เด่นเข้าตา

แนวโน้มการบริโภคในประเทศที่เพิ่มขึ้นและการจับจ่ายใช้สอยเริ่มกลับมาขยายตัว รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาไทยังที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากที่มีการเปิดประเทศให้มีการเดินทางระหว่างประเทศ คาดว่าสิ้นปี 2567 มีโอกาสที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 35 ล้านคน 

ประกอบกับจากการกลับมาจัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ รวมถึงจัดอีเวนท์ตามเทศกาลต่างๆ ซึ่งในปี 2567 คนให้การตอบรับค่อนข้างดี อย่างช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ ในปีนี้อาจเป็นปีทองของกลุ่มหุ้นอาหารและหุ้นที่เกี่ยวเนื่องกับการบริโภค

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการณผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า บริษัทฯ ค่อนข้างมีมุมมองในเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มอาหาร จากแนวโน้มการบริโภคภายในประเทศที่มีการเติบโตที่ดีกว่าเมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน อีกทั้งราคาเนื้อหมูและเนื้อไก่มีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น

ราคาเนื้อสัตว์พุ่ง หนุนกำไรหุ้นกลุ่มอาหารไตรมาส 2/67 เด่น

ส่งผลทำให้คาดว่า อัตราการเติบโตของผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 และทั้งปี 2567 จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีกำไรสุทธิที่แข็งแกร่ง โดยทางฝ่ายชอบ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG และ บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT เนื่องจากไม่มีปัญหาเรื่องหมูที่มาจากต่างประเทศเข้ามากดดัน

บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ทางฝ่ายคงน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มที่เกี่ยวกับเนื้อสัตว์สำหรับเดือน ส.ค. ที่ "เท่าตลาด" เช่นเดิม โดยมีปัจจัยบวกจากผลประกอบการในไตรมาส 2/2567 ที่คาดว่าจะออกมาดี ตามราคาเนื้อสัตว์โดยเฉลี่ยที่ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน รวมถึงแนวโน้มในช่วงไตรมาส 3/2567 ที่คาดว่าจะยังดีอยู่จากการเป็นช่วง High Season ของการส่งออก

ราคาเนื้อสัตว์ในประเทศเดือน ก.ค. สุกร กลับมายืน 70 บาท/กก. ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย 3% จากเดือนก่อน  และเติบโต 2% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน นับว่าเป็นการเติบโตครั้งแรก ส่วนราคาไก่อยู่ที่ 44 บาท/กก. ลดลง 2% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน แต่ยังยืนได้เท่าเดิมเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน แต่เทียบกับปีก่อนลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ม.ค. ที่ผ่านมา

ต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ในเดือน ก.ค.

  • ราคาข้าวโพดอยู่ที่ 12.6 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 6% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และขยายตัว 7% จากเดือนก่อน สูงสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2566 ที่อยู่ที่ 12.7 บาท/กก.
  • ราคากากถั่วเหลืองอยู่ที่ 20.8 บาท/กก. ลดลง 5% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และหดตัว 3% จากเดือนก่อน

ขณะที่ราคาเนื้อสัตว์ในต่างประเทศที่เวียดนามเริ่มนิ่ง ส่วนจีนปรับขึ้นต่อ

  • ราคาสุกรที่เวียดนามเดือน มิ.ย. ข้อมูลจาก บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF อยู่ที่ 64,381 ดอง/กก. เพิ่มขึ้น 8% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน แต่ลดลง 0.4% จากเดือนก่อน ส่วนเดือน ก.ค. ตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการยังคงยืนสูงได้ต่อที่ระดับ 64,000-65,000 ดอง/กก.
  • ราคาที่จีนเดือน ก.ค. ปรับตัวขึ้นได้สูงถึง 18.9 หยวน/กก. เพิ่มจากระดับ 18 หยวน/กก. ในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา และ 14.5 หยวน/กก. ในเดือน ก.ค. ปี 2566

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาเนื้อสัตว์ในประเทศเดือน ส.ค. ต้องติดตามผลกระทบจากการเข้าสู่ฤดูฝน แต่มีปัจจัยบวกจากการเปิดภาคการศึกษาของระดับอุมศึกษา โดยสิ่งที่ต้องติตดามใกล้ชิดคือการรายงานผลประกอบการช่วงไตรมาส 2/2567 ที่จะเริ่มทยอยประกาศตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2 ของเดือน ส.ค. เป็นต้นไป

โดยทางฝ่ายคาดว่าจะเห็นการเติบโตได้ต่อเนื่องตามราคาเนื้อสัตว์ในประเทศ ดังนั้น ทางฝ่ายจึงคงน้ำหนักการลงทุนที่เท่าตลาด เช่นเดิม ส่วนหุ้นแนะนำเลือก CPF เป็น Top Picks เพราะได้รับผลดีจากราคาเนื้อสุกรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกๆ ประเทศ ทั้งที่ไทย เวียดนาม และจีน