จากกรณีที่ ZIGA Innovation ได้ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในที่วันที่ 24 เมษายน 2566 ประเด็นบริษัทมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานจากธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างมีนัยสำคัญซึ่งส่วนหนึ่งมาจากข้อพิพาท
โดยนายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ZIGA Innovation ได้ชี้แจงว่า กรรมการบริษัทย่อยได้ยักยอกเงินที่ได้จากการจำหน่ายเหรียญโทเคนดิจิทัล Zii Token ไปเป็นของตนเอง จนทำให้ ZIGA Innovation ต้องตั้งสำรองการขาดทุนตามที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ไว้นั้น
ต่อมานายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ZIGA Innovation จำกัด มหาชน ในฐานะกรรมการ บริษัทวิสเดน กรุ๊ป ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง อดีตกรรมการ วิสเดน กรุ๊ป กับพวก ข้อหายักยอกทรัพย์ เป็นคดีอาญาที่ศาลอาญาธนบุรีในวันที่ 31 มกราคม 2566
ปรากฏว่า ในวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 ศาลอาญาธนบุรี ได้มีคำพิพากษาคดีอาญา คดีหมายเลขแดงที่ อ 531/2567 พิพากษายกฟ้อง ซึ่งพบว่ารายละเอียดในคำพิพากษาไม่เป็นไปตามที่ นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ กล่าวอ้างตามฟ้องว่าอดีตกรรมการได้ทำการยักยอกทองคำจากบ้านของนายศุภกิจ ซึ่งทองคำพิพาทดังกล่าวเป็นเงินที่ นายศุภกิจ นำเงินจากการขาย Utilities Token ไปซื้อทองคำจากร้านทองชื่อดัง เพื่อนำมาเก็บไว้ที่บ้านตามคำฟ้อง
ประเด็นดังกล่าวอาจทำให้การชี้แจงการขาดทุนของ บมจ. ZIGA Innovation ไม่ถูกต้อง และอาจขัดแย้งกับการที่ บมจ. ZIGA Innovation เคยชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ว่าถูกยักยอกเงินจากการขาย Utilities Token จนทำให้ในงบการเงินขาดทุนจนทำให้ผู้ถือหุ้นเสียหาย ตามที่บริษัทที่เคยชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมถึงกรณีดังกล่าว อาจทำให้นักลงทุนได้รับข้อมูลผลการดำเนินงานในงบการเงินผิดเพี้ยนกระทบต่อการตัดสินใจลงทุน
ส่วนภายหลังจากข่าวศาลอาญาธนบุรีประทับรับฟ้องกรรมการ-ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัทย่อย ZIGA ปมนายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ยักยอกทรัพย์สินบริษัทวราลักษณ์ได้ชี้แจงตลาดหลังถูก ตลท.สอบถามปมข้อพิพาทสำคัญ
จากประเด็นดังกล่าวที่ทาง ZIGA Innovation ยังไม่มีการชี้แจงใดๆต่อทางตลาดหลักทรัพย์
ผู้หุ้นจึงหวั่นซ้ำรอยหุ้นดัง "STARK" ที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ จึงจ่อดำเนินคดีกับบริษัทหากได้ร้บความเสียหายจากการได้รับข้อมูลประกอบการลงทุนที่ไม่ครบถ้วน