อัปเดตสถานการณ์น้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ล่าสุด เช็คความเสี่ยง "น้ำท่วม" กรุงเทพ

สถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ถือว่าค่อนข้างน่าเป็นห่วง หลายพื้นที่ในจังหวัดของภาคเหนือต้องประสบปัญหาน้ำท่วมสูง

โดยเมื่อปริมาณน้ำทางภาคเหนือมีมาก ประชาชนภาคกลางซึ่งเป็นพื้นที่ที่น้ำจะต้องไหลมาเริ่มมีความกังวล โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานคร เนื่องจากกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยน้ำท่วมใหญ่ปี 54

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของ "ฐานเศรษฐกิจ" เกี่ยวกับปริมาณน้ำในเขื่อนสำคัญที่จะมีผลต่อพื้นที่กรุงเทพมหานครจากคลังข้อมูลน้ำแห่งชาติล่าสุดของอ่างขนาดใหญ่ พบว่า
 

ภาคเหนือ 

• เขื่อนภูมิพล ความจุอ่าง 13,462 ล้านลูกบาศ์เมตร น้ำในอ่างปัจจุบัน 6,058 ล้านลูกบาศ์เมตร หรือ 45% ใช้การได้จริง 2,258 ล้านลูกบาศ์เมตร หรือ 17%  ปริมาตรน้ำไหลลงอ่างตั้งแต่ 1 ม.ค.67 อยู่ที่ 1,792.06 ล้านลูกบาศ์เมตร หรือ 32.51% 
• เขื่อนสิริกิติ์  ความจุอ่าง 9,510 ล้านลูกบาศ์เมตร น้ำในอ่างปัจจุบัน 6,986 ล้านลูกบาศ์เมตร หรือ 73% ใช้การได้จริง 4,136 ล้านลูกบาศ์เมตร หรือ 43%  ปริมาตรน้ำไหลลงอ่างตั้งแต่ 1 ม.ค.67 อยู่ที่ 4,581.12 หรือ 81.04% 
• เขื่อนกิ่วคอหมา ความจุอ่าง 263 ล้านลูกบาศ์เมตร น้ำในอ่างปัจจุบัน 148 ล้านลูกบาศ์เมตร หรือ 87% ใช้การได้จริง 142 ล้านลูกบาศ์เมตร หรือ 84%  ปริมาตรน้ำไหลลงอ่างตั้งแต่ 1 ม.ค.67 อยู่ที่ 131.19 ล้านลูกบาศ์เมตร หรือ 58.39% 
• เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ความจุอ่าง 265 ล้านลูกบาศ์เมตร น้ำในอ่างปัจจุบัน 220 ล้านลูกบาศ์เมตร หรือ 83% ใช้การได้จริง 208 ล้านลูกบาศ์เมตร หรือ 78%  ปริมาตรน้ำไหลลงอ่างตั้งแต่ 1 ม.ค.67 อยู่ที่ 113.37 ล้านลูกบาศ์เมตร หรือ 37.45% 

ภาคกลาง 

• เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ความจุอ่าง 960 ล้านลูกบาศ์เมตร น้ำในอ่างปัจจุบัน 285 ล้านลูกบาศ์เมตร หรือ 30% ใช้การได้จริง 282 ล้านลูกบาศ์เมตร หรือ 29%  ปริมาตรน้ำไหลลงอ่างตั้งแต่ 1 ม.ค.67 อยู่ที่ 542.67 ล้านลูกบาศ์เมตร หรือ 24.33% 
• เขื่อนกระเสียว ความจุอ่าง 299 ล้านลูกบาศ์เมตร น้ำในอ่างปัจจุบัน 79 ล้านลูกบาศ์เมตร หรือ 26% ใช้การได้จริง 39 ล้านลูกบาศ์เมตร หรือ 13%  ปริมาตรน้ำไหลลงอ่างตั้งแต่ 1 ม.ค.67 อยู่ที่ 57.19 ล้านลูกบาศ์เมตร หรือ 17.47% 
• เขื่อนทับเสลา ความจุอ่าง 160 ล้านลูกบาศ์เมตร น้ำในอ่างปัจจุบัน 35 ล้านลูกบาศ์เมตร หรือ 22% ใช้การได้จริง 18 ล้านลูกบาศ์เมตร หรือ 11%  ปริมาตรน้ำไหลลงอ่างตั้งแต่ 1 ม.ค.67 อยู่ที่ 18.17 ล้านลูกบาศ์เมตร หรือ 13.8% 

ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ระบุว่า จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศไทยในขณะนี้ ทำให้เกิดข้อกังวลของพี่น้องประชาชนว่าสถานการณ์จะมีความรุนแรงเทียบเท่ากับที่เคยเกิดในปี 2554 

และจะส่งผลกระทบให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก สทนช. จึงได้รวมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นโดยวิเคราะห์ เปรียบเทียบแนวโน้มความเสี่ยงอุทกภัยระหว่าง 3 ปี ได้แก่
 
ปี 2554 ปี 2565 และ ปี 2567 ในประเด็นต่างๆ ดังนี้ การประเมินพายุจรที่พัดผ่านเข้าประเทศไทย พบว่า ในปี 2554 มีพายุพัดผ่านเข้าไทย จำนวน 5 ลูก 

• ไห่หม่า เดือน มิ.ย.
• นกเตน เดือน ก.ค.
• ไห่ถาง เดือนก.ย.
• เนสาด เดือน ต.ค.
• นาลแก ปลาย ต.ค. 

ปี 2565 มีพายุพัดผ่านเข้าไทย จำนวน 1 ลูก ได้แก่ พายุโนรู ช่วงเดือน ก.ย. และยังได้รับอิทธิพลจากพายุดีเปรสชันและไต้ฝุ่นที่เข้ามาบริเวณประเทศเพื่อนบ้าน

ปี 2567 คาดการณ์ว่าจะมีพายุพัดผ่านเข้าประเทศไทย จำนวน 2 ลูก โดยมีโอกาสสูงที่จะเคลื่อนผ่านบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือในช่วงเดือน ก.ย.หรือ ต.ค.
 
และเมื่อเปรียบเทียบปริมาณฝนสะสม พบว่า ปี 2554 ฤดูฝนในประเทศไทยเริ่มต้นเร็วกว่าปกติและมีฝนตกสะสมต่อเนื่อง โดยไม่มีภาวะฝนทิ้งช่วง ปริมาณฝนเฉลี่ยทั้งปีสูงกว่าค่าปกติ 24% และมีค่ามากที่สุดในคาบ 61 ปี (นับจาก พ.ศ.2494) ในปี 2565 มีปริมาณฝนเฉลี่ยทั้งประเทศ 1,876 มม. สูงกว่าค่าปกติ 27% หรือมากที่สุดเมื่อเทียบกับข้อมูลในอดีตย้อนหลัง 40 ปี ซึ่งหมายรวมถึงมากกว่าปี 2554 ที่ประเทศไทยเกิดอุทกภัยร้ายแรง แต่ในปี 2565 กลับพบว่าสถานการณ์อุทกภัยไม่รุนแรงและยาวนานเหมือนปี 2554

สำหรับปี 2567 ณ เดือน ส.ค.นี้ปริมาณฝนในภาพรวมของประเทศไทย ยังคงต่ำว่าค่าปกติ 4% และต่ำกว่า ปี 2554